รวบหนุ่มจีนใช้แอปฯ หาคู่ ตระเวนหลอกฉกทรัพย์เหยื่อ

20 มี.ค. – เตือนภัยแอปฯ หาคู่ หลังตำรวจเชียงใหม่ ตามรวบหนุ่มจีนวัย 31 ปี คาสนามบิน ก่อเหตุลวงเหยื่อผ่านแอปฯ หาคู่ เข้าโรงแรมฉกทรัพย์ ก่อนหลบหนี สอบสวนพบตระเวนก่อเหตุมาแล้วหลายประเทศแถบเอเชีย


หลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมกับตำรวจ ตม.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จับหนุ่มชาวจีน วัย 31 ปี คาสนามบิน ขณะกำลังขึ้นเครื่องบินเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งหนุ่มจีนรายนี้ก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยว 2 ราย รายแรกเป็นชาวจีน วัย 49 ปี สูญเงินสด 29,000 บาท บัตรเครดิต 2 ใบ หนังสือเดินทาง โทรศัพท์มือถือ ส่วนเหยื่อรายที่ 2 เป็นหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนือ สูญเงินสด 2,000 บาท บัตรเครดิต 1 ใบ โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง หลังก่อเหตุรีบวิ่งหนีออกจากโรงแรมย่านคูเมือง

พบข้อมูลน่าตกใจ ตระเวนก่อเหตุมาหลายประเทศแล้ว
ตำรวจเปิดเผยว่า หลังจับกุมนาย Zhou Kaiyuan สารภาพว่าก่อเหตุที่ จ.เชียงใหม่ รวม 2 ครั้ง และกำลังจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อก่อเหตุอีก โดยพฤติกรรมจะใช้แอปฯ หาคู่ชักชวนผู้ชายที่มีรสนิยมไม้ป่าเดียวกัน ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นชักชวนเข้าห้องพักโรงแรมของเหยื่อ และอาศัยเหยื่อเผลอเข้าห้องน้ำ ขโมยทรัพย์สิน


ทั้งนี้ ในประเทศจีนไม่ยอมรับบุคคลเพศที่สาม ทำให้แสดงออกไม่ค่อยได้ จึงเดินทางไปประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งไต้หวัน ฮ่องกง ก่อเหตุสลับไปมา และหลบหนีมาก่อเหตุในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 16 และ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ลักทรัพย์ชาวจีนด้วยกัน และนักท่องเที่ยวชาวไอร์แลนด์เหนือที่มีรสนิยมเหมือนกัน โดยใช้แอปฯ หาคู่ ชักชวนกันไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้เหยื่อตายใจตามกลับมาที่ห้องพัก ก่อนอาศัยจังหวะเหยื่อเผลอเข้าห้องน้ำลักทรัพย์ และหลบหนีออกจากโรงแรม

เหตุดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด และผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติเข้าแจ้งความ ตำรวจจึงออกแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้ก่อเหตุกำลังหลบหนีขึ้นเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่ เบื้องต้นแจ้งดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และจะควบคุมตัวส่งศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.)

ตร.ไซเบอร์ เตือนภัยใช้แอปฯ หาคู่ มักมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่
ด้านผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพรายบุคคล มักแฝงตัวเข้าปักหมุดในแอปฯ หาคู่ ที่เป็นที่นิยม โดยใช้โปรไฟล์และข้อมูลปลอม หากเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ เมื่อเลือกเหยื่อได้แล้วมิจฉาชีพจะชักชวนเหยื่อออกมาสนทนากันส่วนตัวผ่านไลน์ เมื่อเหยื่อหลงรักหรือคุ้นเคยกับมิจฉาชีพมากขึ้น การหลอกจะเพิ่มความเข้มขึ้น และมักจะมาโดยการหาวิธีหลอกให้เหยื่อลงทุนในรูปแบบต่างๆ โดยจะดึงเหยื่อเข้ากลุ่มไลน์ที่ 2 ซึ่งมีสมาชิกหลายคน อ้างว่าเป็นผู้ชำนาญการด้านการลงทุน หรือสมาชิกนักลงทุนด้วยกัน ทำให้เหยื่อยิ่งเชื่อสนิทใจ หลงลงทุนจากปริมาณน้อยๆ กว่าจะรู้ว่าถูกหลอก ก็อาจต้องสูญเงินจนหมดตัว


ส่วนการหลอกของมิจฉาชีพที่เป็นรายบุคคลอาจมีการนัดพบกันนอกรอบตามสถานที่หรือโรงแรม เพื่อประสงค์ต่อร่างกายหรือประสงค์ต่อทรัพย์และเพศ ทั้งนี้ การหลอกผ่านแอปฯ หาคู่ เป็นการอัปเกรดขึ้นมา จากเดิมเป็นการหลอกในรูปแบบ Romance Scam เตือนประชาชนหากคิดใช้แอปฯ หาคู่ เพื่อพบหาคนรักหรือตามหาคนจริงใจ ให้ตระหนักเสมอว่าในแอปฯ หาคู่ มีมิจฉาชีพเข้าไปแฝงตัวอยู่ อย่าคิดว่าแอปฯ จะกลั่นกรองเอาเฉพาะคนดีๆ เข้ามาใช้แอปฯ

ทั้งนี้ คดีที่เกี่ยวข้องกับแอปฯ หาคู่ ในส่วนของตำรวจไซเบอร์ ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 65-19 มี.ค. 68 มีการรับแจ้งควา รวม 1,415 คดี ความเสียหายรวมกว่า 350 ล้านบาท

นอกจากนี้ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโลยี (บก.ปอท.) ยังแนะวิธีสังเกต พฤติกรรมที่มักเป็นมิจฉาชีพบนแอปฯ หาคู่ คือมีโปรไฟล์ที่โดดเด่นและดีจนเกินเหตุ น่าดึงดูดใจในทุกๆ ด้าน เป็นหนึ่งในเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่หลอกล่อให้ผู้คนตกหลุมรักทันที เนื่องจากบุคคลจำนวนมากมักหลงใหลในคุณสมบัติ หน้าตาดี มีเสน่ห์ มาจากครอบครัวดี การศึกษาสูง พูดจาสุภาพ และปฏิบัติต่อผู้อื่นเสมือนเป็นบุคคลสำคัญจนคนคนนั้นหลงใหลในทันที

หลอกให้เสียเงินด้วยข้ออ้างสารพัด เช่น แสร้งทำเป็นมีสิทธิได้รับมรดก อ้างว่าส่งสินค้ามูลค่าสูงจากต่างประเทศมาให้ แต่กลับขอค่าขนส่งหรือภาษี แสร้งทำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนและสิ้นหวัง เพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และการชักชวนให้ส่งเงินมาช่วยเหลือ

วิธีเช็กคนที่เข้ามาสนใจ แบบไหนส่อแววเป็นมิจฉาชีพ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล โดยค้นหา Google หรือแพลตฟอร์มโซเชียล ดูชื่อ รูปลักษณ์ ตรงกับโปรไฟล์ในแอปฯ หาคู่หรือไม่ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบัญชี เช่น ระยะเวลาการใช้งาน พฤติกรรมการโพสต์ กลุ่มเพื่อน รูปถ่ายส่วนตัว หากมีเพื่อนน้อย มีกิจกรรมบนโซเชียลเล็กน้อย ควรระมัดระวัง เนื่องจากอาจเป็นโปรไฟล์ปลอม อย่าไว้วางใจหรือส่งเงิน อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์ รวมถึงแอปฯ หาคู่ ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต บัตรเดบิต รายละเอียดบัตร ATM เลขบัญชีธนาคาร เลขประจำตัวประชาชน

หลีกเลี่ยงการแบ่งปันภาพถ่ายส่วนตัวกับใคร ไม่แบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เนื่องจากมิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลนี้ในทางที่ผิด เพื่อสร้างความเสียหายให้กับคุณ ทั้งนี้ ต้นตอของการถูกหลอกมักเกิดจากการไว้วางใจรูปลักษณ์ภายนอกมากเกินไป ส่งผลให้ผู้ที่ไม่สงสัยจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ ดังนั้น ควรตรวจสอบใครก็ตามที่คุณสนใจอย่างละเอียด เพราะคนหลอกลวงจำนวนมาก เชี่ยวชาญในการปิดบังเจตนาที่แท้จริง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระมัดระวัง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ […]

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]