คนร้ายใช้แผน 3 ขั้นล่อเจ้าหน้าที่ ก่อนลงมือสำเร็จ เหตุบึ้ม อ.สายบุรี

ปัตตานี 9 มี.ค.-เหตุระเบิดพื้นที่ อ.สายบุรี มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คนร้ายใช้แผน 3 ขั้นล่อเจ้าหน้าที่ ก่อนลงมือกับเจ้าหน้าที่สำเร็จ เชื่อคนร้ายกระจายกำลังก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัด

จากเหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลพื้นที่เกิดเหตุ หลังมีคนร้ายซุ่มยิงโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ. 4411หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ เสียชีวิต 3 ราย ทราบชื่อ 1 อส.ทพ.สมัย บุญยงค์ อายุ 46 ปี เจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด ร้อย ทพ.4411 2 นายมะรอมลี มะยะเด็ง อายุ 53 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และ 3 นายอดิศร ดอเลาะ อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ หมู่ 3 บ้านฮูแตกอแล ต.เตราะบอล อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นอกจานี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อ นายฮารง เยะแล อายุ 49 ปีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ได้รับบาดเจ็บบริเวณแขน อาการปลอดภัย เหตุเกิดเมื่อคืนของวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา


จากการสอบสวนเชิงลึกพบว่า เหตุระเบิดดังกล่าวมีความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น โดยเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ที่พยายามก่อเหตุเพื่อลวงเจ้าหน้าที่เข้ามายังที่เกิดเหตุ โดยคนร้ายได้ดักระเบิดไว้เพื่อหวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งคนร้ายได้พยายามถึง 3 ครั้ง จึงจะทำได้สำเร็จ โดยต่อเนื่องของเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกัน แยกได้ดังนี้

โดยเหตุการณ์แรก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 เวลาประมาณ 07.00 น. ได้มีคนร้ายลอบนำวัตถุต้องสงสัย นำมาผูกไว้ที่เสาไฟฟ้า อยู่ข้างทาง บริเวณ บ.ปายอใน ม.3 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และห่างกันประมาณ 300 เมตร พบคนร้ายลอบวางเพลิงยางรถยนต์ โดยคนร้ายใช้วิธีการลอบวางเพลิงยางรถยนต์เพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาที่เกิดเหตุ โดยมีการนำระเบิดมาผูกไว้กับเสาไฟฟ้า เพื่อหวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่เข้าที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งได้ปิดกั้นเส้นเส้นทางเข้าออก และจัดเจ้าหน้าที่ทหารพราน ชป.จรยุทธ์ สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4411 เข้าดูแลพื้นที่เกิดเหตุแทน ทำให้แผนการคนร้ายไม่สำเร็จ จึงได้ได้มีการเปลี่ยนแผน


โดยก่อเหตุการณ์ที่ 2 ขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 8 มี.ค.68 คนร้ายซึ่งคาดว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันที่ลอบวางเพลิงยางรถยนต์และนำระเบิดผู้ติดไว้กับเสาไฟฟ้า ได้ใช้อาวุธสงครามลอบซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน ที่ดูแลความปลอดภัยและปิดกั้นที่เกิดเหตุลอบวางเพลิงยางรถยนต์ (วันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ที่ 2 ห่างจากเหตุจุดที่ 1 ประมาณ 1 กิโลเมตร) เกิดการยิงปะทะกันขึ้น ทำให้เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด หลังสิ้นเสียงปืน ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด เหตุการณ์นี้ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายเพียงต้องการก่อเหตุล่อเจ้าหน้าที่เข้ามาที่เกิดเหตุเท่านั้น โดยก่อนที่คนร้ายจะลอบซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ คนร้ายได้เตรียมการนำระเบิดแสวงเครื่องนำไปวางไว้ที่ใต้ ศาลาริมทาง ม.3 บ้านฮูแตกอแล ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานีอยู่ห่างจากจุดซุ้มยิงประมาณ 500 เมตร และเป็นทางเข้าไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อจากเสร็จสิ้นการปะทะ เจ้าหน้าที่จึงได้มาตรงบริเวณทางเข้าซึ่งอยู่ติดกับศาลาริมทางที่คนร้ายลอบนำระเบิดมาวางไว้ เพื่อทำการปิดเส้นทางเข้าออก โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ร่วมดูแลด้วย โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายได้แอบซุ่มดูอยู่ไม่ห่างนัก

จนกระทั่งเวลา 23.20 น. เมื่อคนร้ายเห็นว่าเจ้าหน้าที่อยู่ใกล้กับศาลาที่คนร้ายซุกระเบิด จึงได้กดฉนวนระเบิดทันที แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้ศาลาริมทางแหลกละเอียด เศษไม้กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ บ้านเรือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายหลายหลัง พบหลุมระเบิดกว้างประมาณ 1 เมตร ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่เองยังคงปิดกั้นเส้นทางเข้าออก และรอเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและชุดพิสูจน์หลังฐานเข้ามาเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งคนร้ายได้ใช้ความพยายามที่จะเข้าก่อเหตุกับกับเจ้าหน้าที่ให้ได้ เพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาติดกักของคนร้าย ไม่ว่าจะเป็น 1 การผูกระเบิดที่เสาไฟฟ้า โดยมีการลอบวางเพลิงยางรถยนต์ 2 การลอบซุ้มยิงเจ้าหน้าที่ และ 3 การลอบวางระเบิดใต้ศาลา และเชื่อว่าทั้ง 3 เหตุการณ์มีความต่อเนื่องกัน นำมาซึ่งการสูญเสียชองเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ราย

สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ เชื่อว่ามีความเกี่ยวโยงและมีการวางแผนร่วมกันกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ เพื่อต้องการแสดงศักยภาพและให้เห็นถึงความรุนแรงของสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเชื่อว่าเป็นการส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลในเรื่องของการเดินหน้าพูดคุยสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อไป.-718.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]