สุราษฎร์ธานี 28 ก.พ. – ปฏิบัติการ “ปิดเมืองคอน สยบภัยออนไลน์” ตำรวจจับผู้ต้องหาได้จำนวนมาก ในจำนวนนี้มี “เจ๊เล็ก” อดีตรองนายกเทศมนตรี กับเลขาคนสนิท เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 หรือ สอท.5 แถลงผลปฏิบัติการ “ปิดเมืองคอน สยบภัยออนไลน์”ระหว่างวันที่ 26-28 กุมภาพันธ์ จับกุมนางเรวดี หรือเจ๊เล็ก อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลจันดี ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์, ร่วมกันเป็นอั้งยี่ และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”และ น.ส.ดุษฎี เลขาคนสนิท ผู้ต้องหาตามหมายจับอีกคนขอเข้ามอบตัว โดยในชั้นจับกุมนางเรวดี และ น.ส.ดุษฎี ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและยังไม่ขอให้การในชั้นสอบสวนก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดทุ่งสง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 72 คน เป็นคนไทย 20 คน และคนจีน 52 คน โดยผู้ต้องหาอีก 1 คนที่ยังหลบหนี คือนายหลิน ดันหยาง หรือโกหยาง ชาวจีน สามีของเจ๊เล็ก
การจับกุมเจ๊เล็ก สืบเนื่องจากปลายเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ตำรวจ สอท.5 สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องตรวจค้นสถานที่ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จับกุมชาวจีนและชาวไทยได้ 63 คน และจากการสืบสวนขยายผลพบกลุ่มคนคอยให้การสนับสนุน อำนวยความสะดวกแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน รวมถึงกลุ่มที่มีส่วนได้รับผลประโยชน์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวคือ นางเรวดี หรือ เจ๊เล็ก และบุคคลในครอบครัว พร้อมลูกน้องคนไทย ซึ่งเป็นนอมินีของนางเรวดี อีก 5 คนและชาวจีนที่อยู่ในขบวนการอีก 1 คน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. แถลงผลการจับกุม น.ส.อาทิตยา บุตรสาวของเจ๊เล็ก ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับผลประโยชน์ตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ใน ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดยเป็นเจ้าของสถานที่ที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนมาใช้ปฏิบัติการ และได้ผลประโยชน์จากการเช่าอาศัยอีกทั้งสามีเจ๊เล๊ก คือโกหยาง มีการโอนเงินซื้อคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์ให้กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน และทำหน้าที่จ่ายเงินให้ลูกจ้างชาวไทย และ น.ส.อาทิตยา ลูกสาวเจ๊เล็ก เป็นนอมินีให้บริษัทที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนใช้บังหน้า.-สำนักข่าวไทย