นนทบุรี 28 ก.พ. – เหตุสุนัข “พิตบูล” บุกขย้ำศีรษะเด็ก 8 ขวบในบ้านพัก ล่าสุดเด็กอาการปลอดภัย แต่ต้องเย็บถึง 55 เข็ม ด้านสาธารณสุขเทศบาลปากเกร็ด สั่งขังสุนัข 15 วัน ห่วงติดเชื้อพิษสุนัขบ้า พร้อมวางกรอบ ป้องกันเหตุซ้ำรอย
ความคืบหน้ากรณีเด็กหญิงวัย 8 ปี ถูกสุนัขพันธ์พิตบูล บุกเข้าไปกัดถึงในบ้านพัก จนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ กกหูด้านขวา และบริเวณท้ายทอยมีแผลลึกประมาณ 1-2 ซม. จนเห็นกะโหลก เหตุเกิดบริเวณห้องเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยสุขาประชาสรรค์ 2 ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (27 ก.พ.) หลังเกิดเหตุหน่วยกู้ภัย ได้นำตัวเด็กส่งห้องไอซียู โรงพยาบาลปากเกร็ด 2 ต่อมาทางทีมแพทย์ได้ส่งต่อไปที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อทำการผ่าตัดหู และแก้วหู เบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้ว
ล่าสุด วันนี้ น.ส.ดา เจ้าของสุนัขพิตบูล ได้ขอไกล่เกลี่ยกับพ่อและยายของเด็ก โดยมี นสพ.พีรชา ญัติติพร นายสัตว์แพทย์ชำนาญการกองสาธารณสุขเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นคนกลาง ได้ข้อสรุปว่า ทางพ่อเด็กไม่อยากให้เลี้ยงสุนัขต่อ เนื่องจากบริเวณนี้มีเด็กเยอะ หากมีการกัดเด็กได้รอบแรกเดี๋ยวต้องมีรอบ 2 จึงอยากให้ย้ายหมาออกไป
ขณะที่คุณยายของน้อง ระบุว่า บริเวณนี้อยู่ใกล้โรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนและเด็กนักเรียนหวาดกลัวมาก ว่าสุนัขจะไปกัดเด็กนักเรียนอีก แต่ถ้าหากจะเลี้ยงควรจะป้องกัน ให้รัดกุม และป้องกันให้มากกว่านี้ ตนเข้าใจว่าเป็นคนรักสัตว์ ที่บ้านตนก็เลี้ยงแมวรักเหมือนลูกเหมือนหลาน จะให้ไปฆ่าหมาทิ้งตนก็ทำใจไม่ได้ เขาก็มีชีวิต
ด้าน นสพ.พีรชา นายสัตว์แพทย์ชำนาญการกองสาธารณสุขเทศบาลนครปากเกร็ด กล่าวว่า เบื้องต้นต้องขังหมาไว้ 15 วัน ดูอาการว่ามีพิษสุนัขบ้าหรือไม่ และให้เลี้ยงในที่ของตนเอง ไม่ปล่อยให้ออกไปนอกสถานที่เลี้ยง พร้อมจัดหากรงที่มั่นคงแข็งแรง ไม่ให้หลุดออกมาได้ และให้ติดป้ายสุนัขดุ อาจจะต้องทำประตู 2 ชั้น เพิ่มเข้ามา และต้องฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี ทำหมันเพื่อลดความดุร้าย ส่วนแผลที่หัวสุนัขที่โดนครกตี จะมีการวางยาเพื่อทำหมัน และทำแผลไปด้วย ป้องกันแผลติดเชื้อ
ด้านเจ้าของสุนัข ยืนยัน ปกติไม่เคยปล่อยสุนัขออกมานอกบ้าน แต่จะปล่อยสุนัขอยู่ภายในบริเวณรั้วที่ปิดล็อก และมีการติดป้ายเตือนสุนัขดุเอาไว้ ส่วนสาเหตุ ที่สุนัขหลุดไปกัดคนได้นั้น คาดว่ามาจากเพื่อนบ้าน เปิดประตูเข้าไปต่อน้ำประปา แล้วไม่ล็อกประตู ทำให้สุนัขหลุดออกไปกัดเด็กถึงในบ้านพักที่อยู่ใกล้กัน เรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจและพร้อมรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายตามความเหมาะสม
ขณะที่ในช่วงบ่าย แม่และยายของเด็ก เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี และนำเอกสารจากพนักงานสอบสวน ไปให้แพทย์ลงความเห็น เบื้องต้นพนักงานสอบสวน จะต้องรอดูผลจากแพทย์ว่าอาการสาหัสหรือไม่ และยังไม่สามารถให้ทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยเจรจากันได้เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการรักษาตัว สำหรับอาการของน้อง มีบาดแผลบริเวณหัว หู และลำตัว ซึ่งบริเวณหัวเย็บจำนวน 55 เข็ม และหูเกือบขาด ตอนนี้ยังจะไม่คุยรายละเอียดเรื่องการไกล่เกลี่ย เพราะต้องดูอาการน้องก่อน ส่วนในเรื่องของคดีจะต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย