“น้องไข่มุก” วอนเร่งช่วยคนไทยอีกกว่า 100 คน ในปอยเปต

ระยอง 27 ก.พ. – “น้องไข่มุก” เด็กสาววัย 14 ปี เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลับสู่อ้อมกอดครอบครัวที่ระยองแล้ว วอนเร่งช่วยคนไทยอีกกว่า 100 คน ในปอยเปต พร้อมแฉถูกลวงไปขายข้ามชายแดน บังคับหลอกเหยื่อวันละ 10 ราย ถ้าไม่ได้จะถูกทุบตี


ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ “น้องไข่มุก” เด็กสาววัย 14 ปี จากจังหวัดระยอง ถูกลวงข้ามชายแดนไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งแม่และครอบครัวได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ปลวกแดง ว่ามีรถเก๋งมารับตัวลูกสาวหายตัวออกไปจากบ้าน จนมีการประสาน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, ทางการกัมพูชา รวมถึงสื่อมวลชนช่วยรายงานข่าวกดดันจนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยอมปล่อยตัว

เมื่อคืนที่ผ่านมา “น้องไข่มุก” ถูกส่งตัวข้ามด่านชายแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวแล้ว หลังหายตัวไปจากบ้านพักนาน 4 วัน โดยมีแม่เดินทางจาก จ.ระยอง ไปรับน้องกลับบ้านด้วยตัวเอง


เช้าวันนี้ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย เดินทางไปบ้านพักของน้องไข่มุก และแม่ ที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง โดยน้องไข่มุก ได้พาผู้สื่อข่าว ชี้จุดที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่งคนขับรถมารับตัวถึงหน้าบ้านพัก ก่อนพาไปส่งที่ชายแดนกัมพูชา

น้องไข่มุก ย้อนเล่าถึงที่มาของการถูกหลอกว่า ตั้งแต่เริ่มแรกว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ มีสาวทอม ชื่อ ไตเติ้ล ทักเข้ามาใน IG มาพูดคุยกันเป็นเพื่อน จนสนิทสมกัน ทักมาแนวว่าอยากรู้จัก จากนั้นวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถูกชักชวนไปทำงานเป็นแอดมินที่ จ.สระแก้ว เมื่อตนปฏิเสธบอกว่าไม่มีเงินค่ารถ เขาก็บอกว่าจะมารับไปทำงานได้เงินเดือน 20,000 บาท ตนจึงไปขออนุญาตแม่ แต่แม่ไม่ให้ไป กระทั่งวันนัด 22 กุมภาพันธ์ เขาส่งรถมารับ ตนจึงโกหกแม่ว่า ขอไปกินข้าวกับเพื่อน โดยคนขับรถ รับตนไปส่งที่หน้าโลตัสสระแก้ว จากนั้นมีรถ 3 ล้อ มารับพาตนไปส่งที่ป่า และมีคนกัมพูชามุดป่ามารับตน เดินข้ามชายแดนไปที่ปอยเปต ตอนนั้นตนใจเสียมาก คิดว่าโดนหลอกแน่ๆ แล้ว จากนั้นจึงถูกเก็บโทรศัพท์และลบข้อมูลทุกอย่าง

เมื่อข้ามไปอยู่ที่ปอยเปต 2 วัน เป็นตึก 18 ชั้น เขาให้ตนฝึกพิมพ์ดีด และทำเอกสารให้ตนใหม่ให้ฝึกตอบคำถาม ห้ามให้ข้อมูลจริงรั่วไหล ไม่เช่นนั้นเขาจะข่มขืนและฆ่าทิ้ง และเมื่อมีคนเห็นข่าวตนว่าแม่ตามหา มีผู้หญิงชาวจีน 1 คน ที่พูดไทยได้ ให้ตนโทรกลับมาหา ให้หลอกแม่ว่าสบายดีมาทำงานจะส่งเงินให้ตอนนี้อยู่สระแก้ว


นอกจากนี้ ตนยังไปเจอคนไทยที่โดนหลอกมาเหมือนกัน โดยเมื่อพวกคนจีนไม่พอใจที่มีข่าวออกตามหาตน เขาจะมาทำร้าย แต่พี่คนไทยก็จะขอร้อง และขอเปลี่ยนให้ไปทำร้ายเขาแทน เพราะตนยังเด็ก โดยพี่คนนั้นโดนไฟช็อต โดนทำร้าย ข้อมือเป็นรอยเชือกมัด

ต่อมาเช้าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ตนถูกพาไปขายให้กับบริษัทจีน ซึ่งที่อยู่ติดกับชายแดนเวียดนาม ในราคา 70,000 บาท ขณะนั่งรถพบว่ามีคนไทยอีก นับ 100 คน ที่โดนหลอกมา และให้ตนทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ไปหลอกคน ตนไม่เคยหลอกให้ได้สำเร็จเลย ปกติถ้าใครทำยอดไม่ได้ถึง 10 คนต่อวัน จะถูกทำร้าย เอากระบองมาตี เมื่อตนทำไม่ได้ เขาจะไปทำร้ายพี่คนไทยที่คอยปกป้องแทน ขณะอยู่ที่นั่นได้กินข้าววันละ 2 มื้อ แต่ตนกินไม่ค่อยได้ มีแต่ผักและก็น้ำมันเยอะ ขณะอยู่ที่นั้นตนคิดตลอดว่า คงไม่มีโอกาสได้กลับบ้านแล้ว คิดแต่ว่าพรุ่งนี้จะถูกขายหรือถูกฆ่าตายหรือไม่ พอมีข่าวว่าตามหาตน เขาก็จะโมโหทุกครั้ง

เช้าวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เขาบอกจะมาส่งตนกลับ ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่า เรื่องจริงหรือไม่ แต่พี่ๆ บอกให้ตนตั้งสติ ใจสู้เข้าไว้ ขณะเดินทางออกมาจากบริษัท ตนได้คุยกับแม่และทุกคนที่ติดต่อได้ โดยรถแวะที่กรุงพนมเปญก่อน จากนั้นถูกพามาส่งเกือบถึงด่าน และเรียกรถ 3 ล้อ ให้มารับตนมาส่งให้กับตำรวจกัมพูชา และพาตนข้ามด่านมายังประเทศไทย ตนรู้สึกโล่งมากที่รอดตายมาได้พอเห็นแม่ตนดีใจมาก คิดว่าชาตินี้จะต้องตายที่กัมพูชาไปแล้ว ตนขอให้ตำรวจและทุกตนเข้าไปช่วยพี่ๆ คนไทยให้ได้ เพราะที่ตนรอดมาได้ พี่ๆ คนไทย ช่วยให้ตนได้ออกมาและรอความหวังว่าตนให้คนไปช่วยเขา โดยเฉพาะพี่คนที่รับผิดแทนตน ยอมโดนทุบตีแทนตน ดูแลตนอย่างดี ตนกลัวว่า เขาช่วยตนทุกอย่าง หากที่นั่นรู้ เขาจะฆ่าทิ้ง

ด้านคุณแม่น้องไข่มุก เผยว่า ตนอยากให้เรื่องของน้องไข่มุกเป็นอุทาหรณ์กับทุกครอบครัวให้ระมัดระวังให้ดี เพราะทางตนและครอบครัวกำชับ และพูดตลอดว่าอย่าหลงเชื่อใคร อย่าไปกับใคร แต่ก็ยังโดนหลอก กว่าจะได้น้องกลับมา แม่ใจสลายแทบจะหมดหวัง เมื่อรู้ว่าลูกโดนหลอกไปกัมพูชา และขอฝากถึงรัฐบาลขอให้เข้าไปช่วยคนไทยที่เหลือให้ได้ โดยเฉพาะคนที่ยอมโดนทุบตีแทนน้อง ตนรู้สึกขอบคุณมากๆ ที่ปกป้องน้องให้แม่ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]