สงขลา 19 ก.พ. – สาว LGBT โมโหทำร้ายและชิงทอง 3 บาท นักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่มาซื้อบริการ แต่ถูกเบี้ยวค่าตัว นักท่องเที่ยวอินเดียอ้างหน้าไม่ตรงปก ไม่สวยเท่าในรูป
วงจรปิดในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 17.26 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จับภาพเหตุการณ์ขณะนายปวรนันท์ อายุ 26 ปี สาว LGBT และเพื่อนสาว 2 อีกคน มาหานักที่องเที่ยวชาวอินเดียที่ห้องพัก หลังทักแชทซื้อบริการในราคา 2,000 บาท โดยนัดหมายเจอที่ห้องดังกล่าว แต่หลังเจอหน้ากันปรากฏว่าหน้าไม่ตรงปก หนุ่มอินเดียจึงปฏิเสธ แต่นายปวรนันท์ไม่ยอมและขอค่าเสียเวลา 500 บาท แต่หนุ่มอินเดียไม่ยอมจ่าย จึงเกิดการโต้เถียงและทำร้ายหนุ่มชาวอินเดีย อายุ 41 ปี หน้าห้องพักถึงขั้นลงมือตบตีและกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 50 สตางค์ มูลค่า 120,000 บาท จากคอหนุ่มอินเดียไปด้วย แม้หนุ่มอินเดียพยายามวิ่งหนีออกมา แต่นายปวรนันท์ยังตามมาใช้รองเท้าฟาดหน้าลิฟต์ จนอีกฝ่ายต้องวิ่งหนีลงบันไดฉุกเฉิน โดยมีสาว LGBT กับนายอภิรุจ อายุ 26 ปี เพื่อนที่มาด้วยกัน วิ่งตามไปจนพบตัว สุดท้ายหนุ่มอินเดียต้องยอมจ่ายเงินและเดินตามกันขึ้นมาคุยหน้าลิฟต์ ก่อนจะแยกย้ายกันไป แต่หนุ่มอินเดียเข้าแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ ตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิดจนรู้ตัวทั้งสองคนซึ่งรับงานบริการ ตำรวจจึงสวมรอยเป็นลูกค้าติดต่อขอซื้อบริการผ่านแอปฯ และเปิดห้องนัดเจอกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนประชาอุทิศ ในเมืองหาดใหญ่ กระทั่งนายปวรนันท์ มาหาที่ห้อง โดยมีนายอภิรุจ ขับรถมาส่ง จึงรวบตัวเอาไว้ได้ทั้งสองคน
จากนั้นคุมตัวทั้งสองคนไปตรวจค้นห้องเช่าในซอยราษฎร์อุทิศ 21 ยึดของกลางสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 28.32 กรัม 1 เส้น ที่ดึงมาจากคอนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย รถจักรยานยนต์ 1 คัน และไอซ์ 0.24 กรัม จึงคุมตัวทั้งสองคนมาที่ สภ.หาดใหญ่
จากการสอบสวนนายปวรนันท์ ยอมรับว่าวันเกิดเหตุได้รับการติดต่อขอซื้อบริการจากนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ตกลงราคา 2,000 บาท แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงหนุ่มอินเดียเปิดประตูออกมารับเห็นตัวจริงกลับปฏิเสธ บอกว่าหน้าตาไม่ตรงปก ไม่สวยเหมือนในรูป ตนไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอค่าเสียเวลา 500 บาท เพราะเดินทางมาแล้ว แต่หนุ่มอินเดียไม่จ่าย จึงตกลงกันไม่ได้ และเกิดการโต้เถียงกันขึ้น
ส่วนที่กระชากสร้อยคอทองคำ เพราะทีแรกแค่ต้องการต่อรองว่าถ้าจะให้คืนสร้อยต้องจ่ายเงินมาก่อน 2,000 บาท แต่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียไม่ยอม ตนจึงแก้เผ็ดด้วยการนำสร้อยติดมือมา โดยมีเพื่อนอีกคนซึ่งขับรถไปส่งคอยยืนคุมเชิง จากนั้นพากันหลบหนีออกจากโรงแรม และคิดว่าหนุ่มชาวอินเดียคงไม่กล้าแจ้งความ จึงใช้ชีวิตรับงานตามปกติ กระทั่งมาถูกตำรวจปลอมเป็นลูกค้าติดต่อขอใช้บริการและจับกุมได้ในที่สุด ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ ส่วนนายอภิรุจ โดนเพิ่มอีก 2 ข้อหา คือ มียาเสพติดไว้ในครอบครอง และเสพยาเสพติด โดยผิดกฎหมาย เพราะผลตรวจปัสสาวะเป็นบวก มีสารเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย.-สำนักข่าวไทย