เด็ก ม.1 ถูกเพื่อน-รุ่นพี่นับสิบรุมทำร้าย บังคับกราบเท้า

บุรีรัมย์ 11 ก.พ. – เด็ก ม.1 ถูกเพื่อนและรุ่นพี่นับสิบคน รุมทำร้าย-บังคับกราบเท้า ในรั้วโรงเรียน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์


เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ โดยเด็กสาวประมาณ 10 คน รุมทำร้ายร่างกายเด็กหญิงเอ นามสมมติ อายุ 13 ปี ภายในห้องน้ำของโรงเรียน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากการทำร้าย เด็กหญิงเอ ยังถูกบังคับให้กราบเท้าขอโทษ

ภายหลังทราบเรื่อง พ่อและแม่ของเด็กหญิงเอ รับไม่ใด้กับเรื่องที่เกิดขึ้น พาลูกสาวเข้าแจ้งความ ที่ สภ.ละหานทราย เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ พร้อมฝากถึงโรงเรียนอยากให้มีมาตรการในการดูแลนักเรียนให้ดีกว่านี้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ถือว่าทำเกินกว่าเหตุมาก คนตั้ง 10 คนรุมทำร้ายลูกตนคนเดียว นอกจากนี้ ในคลิปยังเห็นมีการนำบุหรี่ไฟฟ้ามาดูดกันอีกด้วย


ด.ญ.เอ เล่าว่า วันเกิดเหตุคือวันที่ 10 ก.พ.2568 เวลาประมาณ 09.00 น. ขณะนั้นตนอยู่ชั้นล่างกับรุ่นพี่ เพื่อนในห้องเดียวกันได้โทรศัพท์มาหาตน บอกว่าให้ขึ้นห้องเช็คชื่อเข้าห้องเรียนแล้ว พอตนเข้าไปนั่งในห้องผู้ก่อเหตุ เดินมาถามว่าเคืองอะไร อยากคุยอะไรเหรอ สักพักเขาก็ตบหน้าแล้วจิกหัวลากออกจากห้องไปตบที่หน้าห้องเรียนอีก ตบเสร็จก็ลากลงไปในห้องน้ำแล้วก็ถามอีกว่าเคืองอะไร แล้วก็พูดกับตนเองว่าตัวเองไปว่าคนนั้นคนนี้ไปนินทาคนอื่น ทั้งที่ตนเองไม่เคยพูด แล้วเขาก็ตบหน้าซ้ำอีก ก่อนใช้เท้าเหยียบที่หัว แล้วใช้ขันในห้องน้ำฟาดที่หลังจนขันแตกหลังเขียวช้ำ ซึ่งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ปรากฏตามคลิปมีประมาณ 10 คน มีทั้งเพื่อน ม.1 ด้วยกัน และรุ่นพี่ ม.3 ด้วย ยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรกับกลุ่มที่ทำร้ายตนเองและไม่ได้ไปนินทาหรือว่าอะไรเขาเลย น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ซึ่งนอกจากเขาจะรุมทำร้ายแล้วยังบังคับให้ตนกราบเท้า เหตุการณ์ที่ตนถูกทำร้ายอยู่ในห้องน้ำประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีพี่ ม.3 คนหนึ่งเดินมาพูดว่าจะไปบอกครู เขาถึงยอมหยุดและแยกย้ายกัน

ล่าสุด พ.ต.อ.มนัสวุฒิ บรรยงค์ ผู้กำกับการ สภ.ละหานทราย พร้อมพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอละหานทราย รวมถึงครูฝ่ายปกครองกิจการนักเรียน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณห้องน้ำภายในโรงเรียน ตามที่ปรากฏในคลิป

จากนั้นได้เชิญผู้ปกครองนักเรียนมาร่วมพูดคุย และรับฟังข้อเท็จจริง เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นด้วย จากการพูดคุยเบื้องต้นทราบว่าสาเหตุเกิดจากความเข้าใจผิดว่านักเรียน ม.1 ที่ถูกทำร้ายไปต่อว่าหรือนินทาลับหลังทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ จนเกิดการทำร้ายร่างกายกันและบังคับให้ก้มกราบเท้าขอโทษ


ซึ่งผู้ปครอง และนักเรียนที่ก่อเหตุ ก็ได้ขอโทษพ่อแม่ และนักเรียนที่ถูกทำร้ายต่อหน้า ตำรวจ และคณะครูในโรงเรียน ซึ่งผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกทำร้ายก็ยกโทษให้ แต่ส่วนเรื่องกฎระเบียบของทางโรงเรียน และคดีการทำร้ายร่างกายก็เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการ

ผู้ปกครองของนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ร่วมในการก่อเหตุและปรากฏในคลิป บอกว่ารู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อนมาลูกสาวจะร่วมก่อเหตุทำร้ายเพื่อนในโรงเรียน เบื้องต้นก็ได้ขอโทษทางผู้ปกครองและน้องที่ถูกกระทำแล้ว ส่วนเรื่องการเยียวยาก็ต้องพูดคุยกับอีกครั้ง ส่วนที่ทางโรงเรียนจะดำเนินการอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของทางโรงเรียน

ขณะที่บิดาของนักเรียนหญิง ม.1 ที่ถูกรุมทำร้าย บอกว่าหลังจากที่ทางผู้ปกครอง และนักเรียนที่ก่อเหตุได้มาขอโทษ ส่วนตัวก็อภัยให้เพราะเข้าใจว่ายังเป็นเยาวชนอาจจะทำอะไรไปโดยไม่ได้คิดไตร่ตรอง แต่ก็อยากฝากให้ผู้ปกครองช่วยดูแลใกล้ชิดไม่ให้ก่อเหตุกับลูกสาวแบบนี้อีก แม้ร่างกายจะไม่ได้บาดเจ็บมากแต่กระทบต่อสภาพจิตใจ ทั้งพ่อแม่และลูกสาว เบื้องต้นก็ได้เสนอให้ทางผู้ปกครองนักเรียนที่ก่อเหตุเยียวยาคนละ 20,000 บาท ก็จะไม่ติดใจเอาเรื่องเพราะอยากให้โอกาสเด็ก แต่ตำรวจบอกว่าเป็นคดีทำร้ายร่างกาย ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ก็อยากฝากให้ทางโรงเรียนได้เพิ่มความเข้มงวด ในการดูแลเด็กนักเรียนให้มากขึ้น รวมถึงอยากให้ติดกล้องวงจรปิดจุดอับต่างๆ ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวอีก

ด้านนายอำนาจ ศิลป์ปักษา อาจารย์กลุ่มบริหารกิจการนักเรียน บอกว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้ว ทางคณะผู้บริหารก็กำลังจะมีการเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยและดำเนินการตามระเบียบ แต่มีการนำคลิปไปเผยแพร่ในโซเชียลต่างๆ ก่อน ซึ่งปกติทางโรงเรียนก็มีมาตรการในการดูแลอยู่แล้ว แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์รุมทำร้ายร่างกายกันในโรงเรียน จะเพิ่มมาตรการให้เข้มงวดและดูแลนักเรียนให้ใกล้ชิดมากขึ้น ส่วนนักเรียนที่กระทำผิดในครั้งนี้จะมีการลงโทษตามกฎระเบียบของทางโรงเรียน ส่วนเรื่องคดีก็ขึ้นอยู่กับทางตำรวจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก