7 ก.พ. – กสทช. ผนึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และธนาคารพาณิชย์ บล็อกเส้นทางการเงินทุกช่องทาง หวังตัดตอนวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ในฐานะรักษาราชการทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการนำสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่แนวชายแดนไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและเป็นภัยทางสังคมของประเทศ กสทช. จะทำงานร่วมกับตำรวจทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น โดยได้ออกแนวทางการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมเพื่อตรวจสอบและปิดกั้นข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ หรือ IP Address ของคนร้าย
โดยขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ธนาคารส่ง IP Address ของคนร้ายที่ใช้ Mobile Banking โอนเงิน และ IP ของเครื่องแม่ข่ายที่คนร้ายใช้โอนเงินให้กับตำรวจเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน ให้ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจไซเบอร์ ส่ง IP Address ของคนร้ายให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือ ISP ในประเทศ ประกอบด้วย IP Address, เวลาที่ใช้ในการส่งข้อมูล, IP Address ปลายทางของเครื่องแม่ข่ายที่คนร้ายใช้โอนเงินผ่านธนาคาร, เลขหมายคดีที่ผู้เสียหายแจ้งความ หรือ Case ID และส่งข้อมูล URL คนร้ายให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อดำเนินการ และให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตระงับการใช้งานของคนร้ายชั่วคราว และตรวจสอบพร้อมจัดทำข้อมูลผู้ใช้งาน ส่งให้ตำรวจภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อระงับความเสียหายได้ทันท่วงที
รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ให้ข้อมูลระหว่างลงพื้นที่ติดตามการปรับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่แนวชายแดนบ้านวังแก้ว ตรงข้ามเมืองชเวโก๊กโก่ โดยออกมาตรการเพิ่มเติม ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายที่ตั้งเสาบริเวณชายแดน อ.แม่ระมาด อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งตั้งเสาห่างจากเส้นแบ่งเขตแดนระยะไม่เกิน 50 เมตร รวม 24 เสา รื้อถอนสายอากาศลงให้หมดภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อไม่ให้เกิดกรณีลักลอบหันเสาอากาศออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หากตรวจพบการลักลอบติดสายอากาศ สำนักงาน กสทช. จะเพิกถอนใบอนุญาตตั้งเสาทันที พร้อมย้ำมาตรการที่จะเข้มข้นนี้จะไม่ทำให้ประชาชนชาวไทยเดือดร้อน และ 3 เดือนจากนี้ กสทช. จะลงพื้นที่ตรวจสอบเสาสัญญาณบริเวณตามแนวชายแดนทั่วประเทศเพื่อร่วมกับหน่วยงานต่างๆ กวาดล้างปัญหาคอลเซนเตอร์ให้ลดน้อยลง” .-สำนักข่าวไทย