สมุทรปราการ 6 ก.พ. – ลูกชายพ้นโทษคดียาเสพติดได้ 2 เดือน คลุ้มคลั่งใช้คัตเตอร์ปาดคอแม่เสียชีวิต ขณะเข้าห้ามไม่ให้ทำร้ายภรรยา สาเหตุเพียงเพราะภรรยา ถามหาเงินทอนที่เหลือจากการซื้อของ
ตำรวจ สภ.พระประแดง เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ซอยอดิเรก ถนนสุขสวัสดิ์ 70 ซอย 7 ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมประสาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ชั้นล่าง พบร่างนางสมร ปานสง่า อายุ 67 ปี นอนจมกองเลือด มีแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ มีมีดคัตเตอร์ปักคาอยู่ ตามร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เจ้าหน้าที่มูลนิธิห้ามเลือดปฐมพยาบาลและปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จึงเข้าเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุ
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบว่าเป็นลูกชายของผู้ตาย ทราบชื่อคือ นายศุภชัย อายุ 38 ปี หลังก่อเหตุหลบหนี ไปจับเด็กเป็นตัวประกัน เข้าไปหลบในห้องน้ำภายในบ้านของชาวบ้าน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุมากนัก ตำรวจจึงนำกำลังปิดล้อม และเข้าชาร์จโดยใช้ปืนไฟฟ้ายิงใส่ผู้ก่อเหตุ ก่อนจะเข้าควบคุมตัว และช่วยเหลือเด็กออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยมีตำรวจถูกลูกหลงปืนไฟฟ้าบาดเจ็บ 1 คน ตรวจสอบในห้องน้ำที่ผู้ก่อเหตุเข้าไปหลบซ่อน พบยาบ้า 2 เม็ด ขณะที่ตำรวจควบคุมตัวขึ้นรถ ชาวบ้านโกธรแค้นตะโกนด่าทอผู้ก่อเหตุที่คลุ้มคลั่งฆ่าแม่ตัวเอง ตำรวจต้องรีบนำตัวขึ้นรถไปสอบสวนต่อที่ สภ.พระประแดง อย่างเร่งด่วน แม้จะเป็นเวลาเกือบตี 3 หวั่นชาวบ้านประชาทัณฑ์
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2025/02/06/1485138/1738819004_494999-tnamcot-1024x579.jpg)
สอบสวนทราบว่า ภรรยาให้เงินผู้ก่อเหตุไปซื้อของ พอถามถึงเงินทอน ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเอาไปซื้อกรอบพระ และหาว่าภรรยาขโมยของ จึงเกิดการทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ แม่ผู้ก่อเหตุเข้าไปห้าม ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ ต่อว่าผู้ตายซึ่งเป็นแม่แล้วต่อยเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง ใช้เก้าอี้ไม้ตี ก่อนจะใช้มีดคัตเตอร์ปาดคอและแทงผู้ตายจนลงไปนอนกับพื้น ส่วนภรรยาวิ่งหนีไปนอกบ้าน ซุกอยู่ใต้ท้องรถและขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้รีบโทรแจ้งตำรวจเข้าจับกุม ซึ่งภรรยาผู้ก่อเหตุ ยังอยู่ในอาการตื่นตกใจตลอดเวลา และมีน้ำตาซึมตลอดขณะเล่าเหตุการณ์
เบื้องต้น ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวน พบว่าผู้ก่อเหตุเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดมาได้ 2 เดือน ส่วนร่างผู้เสียชีวิตมอบให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช พร้อมเชิญตัวผู้ก่อเหตุที่อยู่ในเหตุการณ์ ไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย