พระนครศรีอยุธยา 6 ก.พ. – วัยรุ่นเปิดศึกทะเลาะวิวาทกลางถนน ชาวบ้านผวาได้ยินคล้ายเสียงปืนดังสนั่น 2 ครั้ง ล่าสุด ผกก. สภ.วังน้อย จัดชุดสืบสวนเร่งติดตามตัวแล้ว
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2025/02/06/1738818722_632196-tnamcot-1024x572.jpg)
ชาวบ้านถ่ายคลิปขณะเยาวชนขับรถกระบะจอดเกาะกลางถนนแล้วเปิดศึกทะเลาะวิวาทกัน ก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายปืนดังสนั่นขึ้น 2 นัด แบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบนถนนโรจนะ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบกับนายชัยวัฒน์ อายุ 48 ปี เจ้าของคลิป เล่าว่าประมาณ 19.40 น. วานนี้ (5 ก.พ.) ตนขับรถออกจากบ้านมาเติมน้ำมัน ขณะกำลังเติม ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่เกาะกลางถนน ตอนแรกนึกว่าเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ จึงเดินออกไปดู เห็นรถกระบะมีเยาวชนนั่งอยู่ประมาณ 8–9 คน และยังมีรถจักรยานยนต์อีก 2–3 คัน เป็นเยาวชนทั้งหมด ซึ่งตามมากับรถยนต์กระบะ แต่พอออกไปดูเสียงเอะอะโวยวายที่ได้ยินกลายเป็นเสียงด่า ทะเลาะวิวาทกัน และยังเห็นวัยรุ่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีก 2 คน ถือไม้หรือมีด จากนั้นได้ยินเสียงดังคล้ายอาวุธปืนดังขึ้น 2 ครั้ง เยาวชนที่มากับรถยนต์กระบะเดินกะเผลก ไม่รู้ว่าโดนอะไรที่ขาก่อนจะรีบขึ้นรถกระบะ และคนขับก็ขับรถยนต์ออกไปยูเทิร์นกลับมาอีกครั้งไปฝั่งเดียวกัน ท้าทายหาเรื่องซ้ำกับฝั่งคู่กรณี ส่งเสียงโวยวายอีกครั้ง ก่อนจะขับมุ่งหน้าไปทางตัวเมืองอยุธยา
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2025/02/06/1738818731_087409-tnamcot-1024x580.jpg)
ความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผู้กำกับการ สภ.วังน้อย สั่งการให้พนักงานสอบสวน พร้อมชุดสืบสวน ชุดไล่ล่า พร้อมสายตรวจ ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุหาข่าว หาข้อมูล โดยจากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุให้การว่ามีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถยนต์กระบะ และรถจักรยานยนต์พร้อมกับพวกจอดรถกลางถนนขาเข้า อ.วังน้อย จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้ปาระเบิดปิงปองใส่คู่กรณี โดยพยานในที่เกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิดจำนวน 2 ครั้ง ต่อมากลุ่มวัยรุ่นได้แยกย้ายและหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ โดยภายในที่เกิดเหตุไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและจากการตรวจสอบทางโรงพยาบาลในพื้นที่ไม่พบมีผู้บาดเจ็บไปรักษาตัวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบถามพยานในที่เกิดเหตุ พยานแวดล้อมและวัตถุพยาน เพื่อพิสูจน์ทราบยานพาหนะอย่างละเอียด และกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย