ตร.-ผอ.รพ.แจงวิสามัญผู้ป่วยคลั่ง ทำตามยุทธวิธี

สุรินทร์ 5 ม.ค.- ตำรวจ-รพ. แถลงเหตุวิสามัญผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบ คลั่งกลาง รพ.สุรินทร์ ตำรวจแจงทำตามยุทธวิธี แต่ผู้ป่วยมีอาการคลั่ง ไม่สงบ จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อระงับเหตุ ด้าน รพ. เผยเหตุดังกล่าวเกือบเสียคนไข้อีกคน ส่วนกล้องวงจรปิด พบว่าใช้การไม่ได้ อยู่ระหว่างการเปลี่ยน

ความคืบหน้ากรณีนายอภิชัย อายุ 26 ปี เข้ารับการรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และนอนพักฟื้นอยู่ภายในห้องผู้ป่วยรวม ก่อนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาด ใช้ขวานจากอุปกรณ์ดับเพลิง และเสาน้ำเกลือ ไล่ทำร้ายพยาบาล ผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และทรัพย์สินทางราชการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย เจ้าหน้าที่แจ้งตำรวจเข้าระงับเหตุตามยุทธวิธี แต่ก็ไม่เป็นผล จนท้ายที่สุดตำรวจใช้อาวุธปืนยิง จนเป็นเหตุให้นายอภิชัย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา


ขณะที่ครอบครัวผู้ตายยังติดใจ เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ทำไมต้องถึงขั้นวิสามัญ เพราะผู้ตายไม่ได้ฆ่าใครตาย ไม่ได้ทำร้ายผู้ป่วย แค่ทำลายข้าวของ พร้อมร้องขอดูกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุด้วย ระหว่างเกิดเหตุตนเองก็ไม่เห็น จึงต้องการขอดูกล้องวงจรปิด เพื่อคลายข้อข้องใจ

เวลา 14.00 น. วันที่ 4 ม.ค.68 ที่ห้องประชุม สภ.เมืองสุรินทร์ พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พร้อม นพ.ชวมัย สืบนุการณ์ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ และบุคลากร โรงพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ร่วมประชุมเพื่อสอบสวน ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนที่จะแถลงความคืบหน้าคดีดังกล่าว เบื้องต้น พล.ต.ต.สุคนธ์ บอกว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ สายตรวจเข้าไปยังที่เกิดเหตุ รพ.สุรินทร์ โดยส่วนหนึ่ง ไปยังอาคาร 9 อีกส่วนไปยังอาคาร 11 ชั้น 1 ตึกจิตเวช โดยที่ชั้น 9 พบผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งอาละวาด ในมือมีขวาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผจญเพลิง ถืออาวุธที่มือด้านขวา มือด้านซ้ายถือเสาสายน้ำเกลือ สายตรวจได้ดำเนินการตามยุทธวิธี ตั้งแต่เจรจาให้วางอาวุธ แต่ไม่เป็นผล ผู้ก่อเหตุยังอยู่ในอาการที่คลุ้มคลั่ง และ ตรงเข้ามาหาสายตรวจทั้ง 2 นาย ซึ่งจริงๆ แล้วมีสายตรวจยืนแบ็คอัพข้างหลังอีก 2 นาย มีเจ้าหน้าที่ รปภ.และหัวหน้าตึกอยู่ที่ด้านหลังอีก 20 คน โดยผู้ก่อเหตุได้ตรงเข้ามาหาสายตรวจ แล้วจะใช้อาวุธทำร้าย


ตำรวจจึงถอยแล้ว ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงลงพื้นก่อน 1 นัด เพื่อให้ชายที่คลุ้มคลั่งหยุด แต่ปรากฏว่าผู้ป่วยก็ยังไม่หยุด จึงได้ตัดสินใจยิงเข้า ที่บริเวณขา 1 นัด แล้วไล่มาโดนแขน 1 นัด สุดท้ายก็มาที่ลำตัวอีก 1 นัด จนล้มลง จากนั้นตำรวจจึงเข้าควบคุมและช่วยปฐมพยาบาล แต่ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา ยืนยันเจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ จำเป็นจะต้องใช้อาวุธระงับยับหยั่งภัยอันตราย เพราะเป็นขวานขนาดใหญ่ ก่อนหน้านั้นผู้ก่อเหตุพยายามเข้าไปทำร้ายคนป่วย ซึ่งในชั้นนั้น มีผู้ป่วยอยู่จำนวนมาก แล้วยังเป็นผู้ป่วยสูงอายุ 80 ปี และติดเตียงอยู่ด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินการในกรณีดังกล่าว โดยแบ่งเป็น 3 สำนวน คือ สำนวนชันสูตรพลิกศพ สำนวนคดีวิสามัญฆาตรกรรม ดำเนินคดีกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เป็นคนยิง ผู้ป่วย ในข้อหาฆ่าผู้อื่น ซึ่งตำรวจให้การว่า เป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตก็ต้องตกเป็นผู้ต้องหาด้วย คดีนี้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้าน ผอ.รพ.สุรินทร์ บอกว่าเรื่องดังกล่าว ปลัดกระทรวง และ รพ. รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ผู้ป่วยรายดังกล่าว ส่งต่อมาจาก รพ.อำเภอจอมพระ ด้วยอาการไส้ติ่งอักเสบ ผู้ป่วยที่มีรูปร่างสูงใหญ่ การผ่าตัดเมื่อวันที่ 3 ม.ค. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แล้วให้พักที่อาคารศูนย์รวมก่อน รู้สึกตัวดี ให้อาหารได้ กระทั่งช่วงเที่ยงได้รับรายงานว่าผู้ป่วยมีอาการสับสน พูดไม่รู้ จึงได้ย้ายผู้ป่วยมาอยู่ข้างๆ เคาท์เตอร์พยาบาลด้านหน้า เพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด และแพทย์ให้ยาระงับอาการ เพื่อให้ผู้ป่วยสงบลง แต่ก็ยังไม่สงบ กระทั่งผู้ป่วยลุกดึงสายน้ำเกลือออก คว้าเสาน้ำเกลือเดินออกไปทำร้ายบุคลากรและคนไข้ จึงแจ้ง รปภ. 20 นาย มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาช่วยระงับเหตุ ทั้งนี้ผู้ป่วยมีประวัติติดสุรา


ส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องมือแพทย์ เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ กระจกห้องแพทย์ กระจกห้อง ล้างเครื่องมือ อุปกรณ์ถังดับเพลิง ฯลฯ ที่สำคัญเราเกือบจะเสียคนไข้ที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ดีที่เขาไม่ทำ แต่หลังเกิดเหตุ ผู้ป่วยเสียเลือดมาก ทำให้เสียชีวิต ยืนยัน รพ. ได้ทำตามแนวทางที่ได้กำหนดอย่างเต็มที่แล้ว

กรณีที่ญาติของดูกล้องวงจรปิด ผอ.โรงพยาบาล บอกว่า กล้องอยู่ระหว่างการเปลี่ยนจึงไม่สามารถใช้การได้ แต่เรามีเจ้าหน้าที่ รพ. ที่เป็นประจักษ์พยาน มีคนไข้ ญาติคนไข้อีกหลายคน ที่เห็นเหตุการณ์ ส่วนการดูแลเยียวยา ผู้บริหารโรงพยาบาล จะเข้าไปดูแลจิตใจของทางญาติ ส่วนการเยียวยาด้านอื่นๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ และวันนี้ (5 ม.ค.) เป็นวันฌาปนกิจ ตนเองก็จะไปร่วมงานด้วย นอกจากนี้จะต้องเยี่ยวยาบุคลกรทางการแพทย์ที่อยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย