ตร.-ผอ.รพ.แจงวิสามัญผู้ป่วยคลั่ง ทำตามยุทธวิธี

สุรินทร์ 5 ม.ค.- ตำรวจ-รพ. แถลงเหตุวิสามัญผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบ คลั่งกลาง รพ.สุรินทร์ ตำรวจแจงทำตามยุทธวิธี แต่ผู้ป่วยมีอาการคลั่ง ไม่สงบ จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อระงับเหตุ ด้าน รพ. เผยเหตุดังกล่าวเกือบเสียคนไข้อีกคน ส่วนกล้องวงจรปิด พบว่าใช้การไม่ได้ อยู่ระหว่างการเปลี่ยน

ความคืบหน้ากรณีนายอภิชัย อายุ 26 ปี เข้ารับการรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และนอนพักฟื้นอยู่ภายในห้องผู้ป่วยรวม ก่อนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาด ใช้ขวานจากอุปกรณ์ดับเพลิง และเสาน้ำเกลือ ไล่ทำร้ายพยาบาล ผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และทรัพย์สินทางราชการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย เจ้าหน้าที่แจ้งตำรวจเข้าระงับเหตุตามยุทธวิธี แต่ก็ไม่เป็นผล จนท้ายที่สุดตำรวจใช้อาวุธปืนยิง จนเป็นเหตุให้นายอภิชัย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา


ขณะที่ครอบครัวผู้ตายยังติดใจ เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ทำไมต้องถึงขั้นวิสามัญ เพราะผู้ตายไม่ได้ฆ่าใครตาย ไม่ได้ทำร้ายผู้ป่วย แค่ทำลายข้าวของ พร้อมร้องขอดูกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุด้วย ระหว่างเกิดเหตุตนเองก็ไม่เห็น จึงต้องการขอดูกล้องวงจรปิด เพื่อคลายข้อข้องใจ

เวลา 14.00 น. วันที่ 4 ม.ค.68 ที่ห้องประชุม สภ.เมืองสุรินทร์ พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พร้อม นพ.ชวมัย สืบนุการณ์ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ และบุคลากร โรงพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ร่วมประชุมเพื่อสอบสวน ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนที่จะแถลงความคืบหน้าคดีดังกล่าว เบื้องต้น พล.ต.ต.สุคนธ์ บอกว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ สายตรวจเข้าไปยังที่เกิดเหตุ รพ.สุรินทร์ โดยส่วนหนึ่ง ไปยังอาคาร 9 อีกส่วนไปยังอาคาร 11 ชั้น 1 ตึกจิตเวช โดยที่ชั้น 9 พบผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งอาละวาด ในมือมีขวาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผจญเพลิง ถืออาวุธที่มือด้านขวา มือด้านซ้ายถือเสาสายน้ำเกลือ สายตรวจได้ดำเนินการตามยุทธวิธี ตั้งแต่เจรจาให้วางอาวุธ แต่ไม่เป็นผล ผู้ก่อเหตุยังอยู่ในอาการที่คลุ้มคลั่ง และ ตรงเข้ามาหาสายตรวจทั้ง 2 นาย ซึ่งจริงๆ แล้วมีสายตรวจยืนแบ็คอัพข้างหลังอีก 2 นาย มีเจ้าหน้าที่ รปภ.และหัวหน้าตึกอยู่ที่ด้านหลังอีก 20 คน โดยผู้ก่อเหตุได้ตรงเข้ามาหาสายตรวจ แล้วจะใช้อาวุธทำร้าย


ตำรวจจึงถอยแล้ว ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงลงพื้นก่อน 1 นัด เพื่อให้ชายที่คลุ้มคลั่งหยุด แต่ปรากฏว่าผู้ป่วยก็ยังไม่หยุด จึงได้ตัดสินใจยิงเข้า ที่บริเวณขา 1 นัด แล้วไล่มาโดนแขน 1 นัด สุดท้ายก็มาที่ลำตัวอีก 1 นัด จนล้มลง จากนั้นตำรวจจึงเข้าควบคุมและช่วยปฐมพยาบาล แต่ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา ยืนยันเจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ จำเป็นจะต้องใช้อาวุธระงับยับหยั่งภัยอันตราย เพราะเป็นขวานขนาดใหญ่ ก่อนหน้านั้นผู้ก่อเหตุพยายามเข้าไปทำร้ายคนป่วย ซึ่งในชั้นนั้น มีผู้ป่วยอยู่จำนวนมาก แล้วยังเป็นผู้ป่วยสูงอายุ 80 ปี และติดเตียงอยู่ด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินการในกรณีดังกล่าว โดยแบ่งเป็น 3 สำนวน คือ สำนวนชันสูตรพลิกศพ สำนวนคดีวิสามัญฆาตรกรรม ดำเนินคดีกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เป็นคนยิง ผู้ป่วย ในข้อหาฆ่าผู้อื่น ซึ่งตำรวจให้การว่า เป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตก็ต้องตกเป็นผู้ต้องหาด้วย คดีนี้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้าน ผอ.รพ.สุรินทร์ บอกว่าเรื่องดังกล่าว ปลัดกระทรวง และ รพ. รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ผู้ป่วยรายดังกล่าว ส่งต่อมาจาก รพ.อำเภอจอมพระ ด้วยอาการไส้ติ่งอักเสบ ผู้ป่วยที่มีรูปร่างสูงใหญ่ การผ่าตัดเมื่อวันที่ 3 ม.ค. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แล้วให้พักที่อาคารศูนย์รวมก่อน รู้สึกตัวดี ให้อาหารได้ กระทั่งช่วงเที่ยงได้รับรายงานว่าผู้ป่วยมีอาการสับสน พูดไม่รู้ จึงได้ย้ายผู้ป่วยมาอยู่ข้างๆ เคาท์เตอร์พยาบาลด้านหน้า เพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด และแพทย์ให้ยาระงับอาการ เพื่อให้ผู้ป่วยสงบลง แต่ก็ยังไม่สงบ กระทั่งผู้ป่วยลุกดึงสายน้ำเกลือออก คว้าเสาน้ำเกลือเดินออกไปทำร้ายบุคลากรและคนไข้ จึงแจ้ง รปภ. 20 นาย มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาช่วยระงับเหตุ ทั้งนี้ผู้ป่วยมีประวัติติดสุรา


ส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องมือแพทย์ เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ กระจกห้องแพทย์ กระจกห้อง ล้างเครื่องมือ อุปกรณ์ถังดับเพลิง ฯลฯ ที่สำคัญเราเกือบจะเสียคนไข้ที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ดีที่เขาไม่ทำ แต่หลังเกิดเหตุ ผู้ป่วยเสียเลือดมาก ทำให้เสียชีวิต ยืนยัน รพ. ได้ทำตามแนวทางที่ได้กำหนดอย่างเต็มที่แล้ว

กรณีที่ญาติของดูกล้องวงจรปิด ผอ.โรงพยาบาล บอกว่า กล้องอยู่ระหว่างการเปลี่ยนจึงไม่สามารถใช้การได้ แต่เรามีเจ้าหน้าที่ รพ. ที่เป็นประจักษ์พยาน มีคนไข้ ญาติคนไข้อีกหลายคน ที่เห็นเหตุการณ์ ส่วนการดูแลเยียวยา ผู้บริหารโรงพยาบาล จะเข้าไปดูแลจิตใจของทางญาติ ส่วนการเยียวยาด้านอื่นๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ และวันนี้ (5 ม.ค.) เป็นวันฌาปนกิจ ตนเองก็จะไปร่วมงานด้วย นอกจากนี้จะต้องเยี่ยวยาบุคลกรทางการแพทย์ที่อยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]