นนทบุรี 1 ม.ค.- ระทึกข้ามปี! เพลิงไหม้ชุมชนหลังวัดประชารังสรรค์ เผาบ้านวอด 3 หลัง คาดสาเหตุมาจากจุดพลุฉลองปีใหม่
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 1 ม.ค. 68 พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บริเวณชุมชนหลังวัดประชารังสรรค์ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงระดมรถน้ำ 8 คัน ฉีดสกัดแสงเพลิงไม่ให้ลุกลาม ใช้เวลากว่า 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ภายในชุมชนดังกล่าว พบเป็นชุมชนที่อยู่ภายในซอย รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ เบื้องต้นทราบว่าต้นเพลิงไหม้มาจากบ้านหลังแรก และลุกลามไปยังบ้านใกล้เคียง วอดทั้งหมด 3 หลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลาม เหลือเพียงกลุ่มควันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำเลี้ยงอยู่ เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้
นายเอ (นามสมมุติ) ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ตนได้ยินเสียงประมาณเที่ยงคืน เป็นเสียงเหมือนระเบิด หลังจากนั้นมีไฟไหม้ขึ้น ตนจึงรีบเข้ามาดูพบว่าไฟไหม้บ้านไปแล้ว 3 หลัง ดับไม่ได้ ตนจึงรีบเรียกรถดับเพลิงให้เข้ามาตรวจสอบ แต่ไม่ทันไหม้เกินไป 4 หลังแล้ว คาดว่าอาจจะเกิดจากการจุดพลุ เพราะไฟไหม้หลังเคาท์ดาวน์พอดี หลังจากเสียงพลุดังขึ้น
น.ส.ชุติกาจน์ อายุ 61 ปี เจ้าของบ้านหลังที่ 3 กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนนอนประมาณ 4 ทุ่ม นอนอยู่กับลูก หลังจากนั้นได้ยินเสียงเป็นเสียงพลุ และลูกเดินมาบอกว่าไฟไหม้ ตนจึงรีบวิ่งและไปปลุกแฟนให้ออกมาจากบ้าน เพราะมีคนในบ้านประมาณ 5 คน ปลอดภัยทั้งหมด ตอนนี้ที่บ้านเสียหายหมดแล้ว เหลือแต่ตอไม้ ตนไม่กล้าเข้าไปดูที่บ้านเพราะกลัว ขาสั่นเดินไม่ออก ตอนนี้ยังไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ อยากให้มีคนเข้ามาช่วยเหลือ เพราะไฟไหม้บ้านไปหมดแล้ว ส่วนบ้านอีก 2 หลัง เป็นบ้านเช่าไม่มีใครอยู่ ตนคาดว่าสาเหตุเกิดจากการจุดพลุเพราะได้ยินเสียงพลุก่อนเพลิงไหม้
พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านประมาณ 3 หลัง ซึ่งบ้านต้นเพลิงเป็นบ้านเช่าบ้านแรก บ้านหลังที่ 2 ก็เป็นบ้านเช่า ส่วนหลังที่ 3 เป็นบ้านที่มีคนอยู่ แต่หนีออกมาได้ทัน
เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บ้านทั้ง 3 หลังเป็นบ้านไม้ จากสาเหตุคาดว่าไฟไหม้ประมาณช่วงเที่ยงคืน คาดว่าเกิดจากการจุดพลุ แต่จะต้องตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบปากคำคนที่จุดและชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงอีกครั้ง .-สำนักข่าวไทย