ตรัง 30 ธ.ค. – ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง ส่งเสริมเกษตรกรใช้พื้นที่ว่างปลูกกระเจี๊ยบแดงสายพันธุ์ใหม่ “พันธุ์กำแพงแสนม่วงจัมโบ้” ดอกใหญ่ เนื้อเยอะ เก็บเกี่ยวเร็ว ขายได้ราคาดีกว่ากระเจี๊ยบทั่วไป แถมยังมีสรรพคุณ เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง
แปลงเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์และสาธิตการปลูกกระเจี๊ยบสายพันธุ์ใหม่ พันธุ์กำแพงแสนม่วงจัมโบ้ บนพื้นที่ 3 ไร่ ของศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง ซึ่งปลูกกระเจี๊ยบสายพันธุ์ใหม่ที่จะเตรียมส่งเสริมให้เกษตรกรที่สนใจปลูกไว้กว่า 3,000 ต้น หลังจากนั้นประมาณ 130-150 วัน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตกระเจี๊ยบได้ และเปิดให้นักท่องเที่ยว รวมทั้งเกษตรกรที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้และทดลองเก็บกระเจี๊ยบ
นางวรรณา พรหมบุญทอง ผู้อำนวยการศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง เปิดเผยว่า ทางศูนย์ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก เนื่องจากกระเจี๊ยบสายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อว่า สายพันธุ์กำแพงแสนม่วงจัมโบ้ เป็นกระเจี๊ยบที่ปลูกง่าย เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว มีสีแดงเข้มอมม่วง ลำต้นเตี้ย แข็งแรง กลีบเลี้ยงหนา ยาวใหญ่ ทำให้มีปริมาณเนื้อกระเจี๊ยบเยอะ ให้ผลผลิตสูง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน สีแดงเข้มกว่ากระเจี๊ยบสายพันธุ์พื้นบ้าน นิยมนำมาทำน้ำดื่มดับกระหาย หรือนำไปทำแยมรับประทานกับขนมปังก็อร่อยดี หรือทำกระเจี๊ยบอบแห้งเก็บไว้ได้นานนับปี นอกจากนี้ใบ ยอดอ่อน สามารถนำไปแกง ส่วนประโยชน์ก็มีมากมาย
ดอกหรือที่เรียกว่ากลีบเลี้ยง มีสารแอนโทไซยานินสูง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ลดภาวะเสี่ยงโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ยับยั้งเนื้องอก ทั้งยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของเม็ดเลือดแดงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ราคาจำหน่ายดีกว่าราคากระเจี๊ยบทั่วไปถึง 2 เท่า หรือกิโลกรัมละ 40-60 บาท ขณะที่ราคากระเจี๊ยบทั่วไป กิโลกรัมละ 25-30 บาท เป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งปกติจะมีการสั่งซื้อกระเจี๊ยบจากภาคเหนือ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น การส่งเสิรมการปลูกในพื้นที่จึงเป็นโอกาสให้กับเกษตรกรในการสร้างรายได้เสริม ผู้สนใจสามารถสอบถามมายังศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง เพื่อขอเมล็ดพันธุ์ไปปลูกได้สร้างรายได้.-สำนักข่าวไทย