ชลบุรี 6 ธ.ค. – จับแล้ว “ส.ต.อ.” สภ.แสนสุข ตบทรัพย์ 150,000 บาท ซ้ำเติมผู้เสียหายคดีฉ้อโกงออนไลน์ ตั้งกรรมการสอบ-ให้ออกจากราชการแล้ว ก่อนแจ้งข้อหาและคุมตัวฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว
คลิปเสียงผู้เสียหายจากคดีฉ้อโกงออนไลน์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจย่านบางแสน กำลังต่อรองกับ ส.ต.อ. ผบ.หมู่ สภ.แสนสุข ที่ตบทรัพย์เรียกเงิน โดยบอกว่า สามารถติดต่อขอเงินคืนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ แต่ขอเงินเป็นการแลกเปลี่ยนในการติดตามคดี 150,000 บาท ขณะที่มีคลิปตำรวจนายนี้เข้าไปรับเงินที่บ้านผู้เสียหาย แต่ปรากฏว่ากลับไม่ได้เงินคืน จึงเข้าแจ้งความเอาผิดกับตำรวจนายนี้
เรื่องนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปติดตามความคืบหน้าที่ สภ.แสนสุข ด้วยตัวเอง เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อน มาขอพึ่งตำรวจแล้วยังถูกหลอกซ้ำ ก่อนเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นตำรวจจริง ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสอบสวน และมีคำสั่งให้ออกจากราชการ และได้ควบคุมตัวตำรวจคนดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหามาตรา 149 เจ้าพนักงานรับผลประโยชน์ มาตรา 157 เจ้าหน้าที่ประพฤติผิดโดยมิชอบ และมาตรา 341 ข้อหาฉ้อโกง สาเหตุเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการพนัน เพราะเป็นคนชอบเล่นการพนัน เห็นโอกาส จึงหลอกผู้เสียหายว่าช่วยเอาเงินคืนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตำรวจไม่นิ่งนอนใจ ย้ำให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่เสียหายมาก กำชับให้ตรวจสอบ และต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก
และล่าสุด ส.ต.อ.นายนี้ ถูกควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง และถูกคุมตัวเข้าเรือนจำไปแล้ว
สำหรับคดีนี้ ผู้เสียหายประกอบธุรกิจย่านบางแสน จ.ชลบุรี นำคลิปมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก ที่ไปซื้อสินค้าออนไลน์ 900 บาท แล้วไม่ได้ของ ก่อนไปร้องในเพจตำรวจไซเบอร์ แต่พบว่าเป็นเพจปลอม ถูกหลอกให้โอนเงินอีก 2.5 ล้านบาท เหตุเกิดช่วงเดือนตุลาคม 2567 จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี แต่คดีไม่คืบ จึงมาตามความคืบหน้าที่โรงพัก ส.ต.อ.นายหนึ่ง ของ สภ.แสนสุข ได้มาพูดคุยลักษณะว่า มีเพื่อนเป็นตำรวจไซเบอร์ และสามารถตามเงินกลับมาได้ โดยบอกให้ผู้เสียหายโอนเงินให้ตำรวจ เป็นเงิน 150,000 บาท เป็นเงินทดลองบัญชี และเงินทดลองดำเนินการสอบสวน อีกทั้งระบุว่า ภายใน 7 วัน จะคืนเงินให้ และเงิน 2.5 ล้านที่ถูกโกง ก็จะทยอยคืนให้ แต่เมื่อครบกำหนด กลับไม่ได้เงินคืน จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจนายนี้ ซึ่งจากข้อมูลความผิดชัดเจน ต้องดำเนินคดีทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด พร้อมสืบสวนสอบสวนว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ และดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น ในส่วนคดีที่ผู้เสียหายถูกฉ้อโกง กำชับพนักงานสอบสวนเร่งรัดสอบสวน ส่งประเด็นไปยังกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี. – สำนักข่าวไทย