ลำปาง 5 ธ.ค. – ผบ.มทบ.32 ส่งเสริมกำลังพลเลี้ยงไข่ผำ จำหน่ายเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้เดือนละกว่าหมื่นบาท ลงทุนครั้งเดียวเก็บขายได้ทุกสัปดาห์
พลตรี วิชาญ ศรีภัทรางกูร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี พร้อมด้วย พันเอก ประณต ศิริพันธ์ รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 32 ให้การสนับสนุนกำลังพลมีอาชีพเสริม ภายใต้โครงการทหารพันธุ์ดี ใช้เวลาว่างหลังจากเลิกงาน เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว โดยการสร้างโรงเรือนเลี้ยงไข่ผำในระบบปิด ป้องกันแมลงที่จะมารบกวน ได้มาตรฐาน สะอาด โดยเริ่มเลี้ยงจำนวน 3 บ่อ ขนาด 2×4 เมตร ขณะนี้เริ่มจำหน่ายแล้ว สามารถสร้างรายได้ให้กับกำลังได้จริง
จ่าหมี ซึ่งเป็นผู้ดูแลหลักในการเลี้ยงไข่ผำ บอกว่า ผบ.มทบ.32 ให้ความสนใจการเลี้ยงไข่ผำ โดยศึกษาหาความรู้และนำมาถ่ายทอดให้กับตนเองและกำลังพลที่สนใจ ซึ่งตนเองสนใจและลงมือเลี้ยงไข่ผำ จนสามารถจำหน่ายได้แล้ว
ไข่ผำเลี้ยงง่าย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่เกษียณ หรือคนที่ไม่มีเวลา งานไม่หนัก ดูแลง่าย ต้นทุนไม่มาก เหมาะสำหรับเลี้ยงไว้รับประทานเองหรือจำหน่าย ส่วนภาชนะที่จะนำมาเลี้ยงหาได้จากที่บ้าน เช่น กะละมัง กล่องโฟมเก่า ใช้ได้ทั้งหมด แต่หากใครที่มีทุนและอยากทำให้ได้มาตรฐานเพื่อจำหน่าย ก็ทำเป็นโรงเรือนแบบปิดเพื่อป้องกันแมลงและยุงที่จะไปวางไข่ในน้ำ และเพื่อความสะอาด ส่วนน้ำที่ใช้เป็นน้ำบาดาล หากเป็นน้ำประปาควรทิ้งไว้ให้คอลลีนละเหยก่อน จากนั้นนำไข่ผำมาปล่อย ปัจจุบันใช้สายพันธุ์โกลโบซ่า ราคาไม่แพง กิโลกรัมละ 20 บาท (สำหรับสมาชิกในเครือข่ายยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์) ใช้ 1 กิโลกรัมต่อ 1 ตรารางเมตร จากนั้นเติมอาหารคือน้ำหมักธรรมชาติที่ทำเองเพื่อความปลอดภัย เมื่อสังเกตว่าสีไข่ผำเริ่มซีดๆ ก็เติมอาหาร และทุกวันจะมาตีผำ (ตีน้ำ) เพื่อกระตุ้นออกซิเจนและให้ไข่ผำแตกตัว ซึ่งไม่ยุ่งยาก
ส่วนการเปลี่ยนน้ำที่เลี้ยงใช้การสังเกตหากน้ำเริ่มมีสีขุ่นให้เปลี่ยนน้ำใหม่ เพราะไข่ผำชอบน้ำสะอาด หลังจากนั้นรอเก็บผลผลิตทุกสัปดาห์ โดยการใช้กระซอนตักขึ้นมาแล้วล้างน้ำสะอาด 3 ครั้ง ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ ก่อนบรรจุในกล่องขนาด 250 กรัม จำหน่ายราคากล่องละ 50 บาท 1 กิโลกรัม จะได้ 200 บาท แต่ละเดือนจะมีรายได้หลักหมื่นบาท ซึ่งแต่ละสัปดาห์มีลูกค้าสั่งจองจนหมด สินค้ามีไม่พอจำหน่าย หากใครสนใจต้องการซื้อสามารถมาซื้อได้ที่ตลาดนัดค่ายสุรศักดิ์มนตรี ทุกเย็นวันพุธ หรือโทรสั่งจองได้ที่โครงการทหารพันธุ์ดีค่ายสุรศักดิ์มนตรี
สำหรับไข่ผำ หรือที่เรียกกันว่า คาร์เวียเขียว เป็นพืชน้ำพื้นบ้าน ไม่มีราก มีใบขนาดเล็กเพียง 1 มิลลิเมตร ลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็กๆ สีเขียวเกาะตัวกันเป็นแพคล้ายสาหร่าย ชอบอาศัยในน้ำสะอาด แพร่พันธุ์เร็ว เพียง 2 คืน สามารถขยายพันธุ์ได้ถึง 2 เท่าตัว เป็นพืชน้ำที่อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ด เพราะไข่ผำมีโปรตีนและเบตาแคโรทีนสูง มีโอเมกา 3 และ 6 นอกจากนี้ยังมีคลอโรฟิลล์สูง รสชาติจืด มัน สรรพคุณช่วยรักษาอาการท้องผูกและรักษาภาวะซีด ส่วนใหญ่จะรู้จักในภาคเหนือ และภาคอีสาน นิยมนำมาทำทั้งอาหารคาวและหวาน เช่น คั่วไข่ผำ ไข่เจียวไข่ผำ แกงคั่วกุ้งไข่ผำ และปัจจุบันยังนำมาทำอาหารฟิวชั่นใหม่ เช่น ซอส สเปรดไข่ผำ เพื่อรำมาราดบนหน้าขนมปังแทนแยม หรือนำมาทำน้ำสลัด ก็อร่อยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย