ฆ่าจระเข้ยกบ่อ หวั่นน้ำท่วมจระเข้หลุด

24 ก.ย. – เจ้าของฟาร์มจระเข้ที่ลำพูน ตัดสินใจฆ่าจระเข้พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ยกบ่อ หวั่นน้ำท่วม ทำจระเข้หลุด ขณะที่ลำปาง น้ำทะลักพื้นที่เกาะคากลางดึก เตือนด่วน 6 อำเภอ เฝ้าระวังเขื่อนปล่อยน้ำเพิ่ม


ฝนที่ยังคงตกหนักต่อเนื่องในภาคเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังคงวิกฤติ ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “เอ็กซ์ วัวหันอินเตอร์” เจ้าของฟาร์มจระเข้ จ.ลำพูน โพสต์เล่าเรื่องเศร้าหลังต้องฆ่าจระเข้พ่อแม่พันธุ์ที่อยู่ด้วยกันมา 17 ปี เนื่องจากเหตุฝนตกหนักหวั่นน้ำท่วมและจระเข้อาจจะหลุดออกไปสร้างความเดือดร้อนได้ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า

“วันนี้ตัดสินใจเอาจระเข้พ่อแม่พันธุ์ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้น ประมาณ 17 ปี ออกจากบ่อทั้งหมด หนึ่งในปัจจัยคือเรื่องฟ้าฝนที่ปีนี้ดูจะรุนแรงเกิน ผมต้องรีบตัดสินใจแบบเร่งด่วนที่สุด ป้องกัน ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง ปรึกษาครอบครัวและคนใกล้ชิด มีมติเอกฉันท์ ปกติผมจะไม่ค่อยยอม แต่มาคิดหลายๆด้าน ชั่งใจอยู่นานพอสมควร มันคือทางเลือกที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้แล้วละ จำใจจริงๆ ปีหน้าเราจะไม่มีเก็บไข่จระเข้ หรือทำคลอดจระเข้อีกแล้ว เชื่อว่า ฟ้าหลังฝนจะสดใสเสมอ”


น้ำทะลักกลางดึก “บิณฑ์” นำทีมอุ้มคนแก่หนีน้ำ

ส่วนที่บ้านนาแส่ง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ช่วงกลางดึกมวลน้ำซึ่งไหลลงแม่น้ำวัง ได้ทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชน ทำให้ทั้งนายอำเภอ ผู้นำชุมชน และทีมกู้ภัยร่วมกตัญญู นำทีมโดย “บิณฑ์ บันลือฤทธิ์” ต้องนำเรือท้องแบนลุยน้ำเข้าไปยังบ้านที่มีผู้สูงอายุติดน้ำท่วม ก่อนจะค่อยๆ อุ้มฝ่าน้ำที่สูงถึงระดับเอวออกมาขึ้นเรืออย่างทุลักทุเล เนื่องจากน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง เพราะฝนที่ตกโปรยปรายสลับหนัก ซึ่งตลอดคืนเจ้าหน้าที่ได้นำเรือลัดเลาะไปรับคนตามซอยอพยพออกมา

ขณะที่การสำรวจในพื้นที่เช้านี้ ยังพบว่าน้ำจากแม่น้ำวังและน้ำป่ายังคงหลากท่วมบ้านเรือนที่อยู่ติดแม่น้ำวังเป็นแนวยาวตลอดสาย ที่หนักสุดคือพื้นที่ 3 หมู่บ้านของตำบลนาแก้ว ที่ตอนนี้บ้านเกือบ 1,000 หลัง บางจุดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรไปแล้ว คนที่อยู่บ้านชั้นเดียวบางคนตัดสินใจขนสิ่งของหนีน้ำมาไว้บนถนน แต่ก็ยังเสี่ยงถูกน้ำท่วม เพราะล่าสุดน้ำได้เริ่มเอ่อมาบนถนนแล้ว


ส่วนพื้นที่บ้านส้มตำ หมู่ 3 ตำบลนาแก้ว ตอนนี้ลำน้ำแม่ต๋ำและแม่น้ำวัง ได้ทะลักท่วมทั้งบ้านคน และถนน สูงกว่า 1 เมตร ส่วนสะพานกั้นลำน้ำแม่ต๋ำก็ถูกตัดขาด น้ำสูงกว่า 4 เมตร ทำให้ชาวบ้าน 200 กว่าคนอพยพออกมาไม่ได้ ปภ. บรรเทาสาธารณภัยลำปาง อส.เกาะคา และผู้เกี่ยวข้อง ต้องนำเรือท้องแบนลุยน้ำไปรับผู้ป่วยติดเตียง พร้อมขนอาหาร น้ำดื่ม ไปแจกจ่ายให้ผู้ที่ติดค้างอยู่ด้านในด้วย

ปภ.เตือนด่วน 6 อำเภอ ระวังเขื่อนปล่อยน้ำเพิ่ม

ป้องกันภัยจังหวัดลำปาง สรุปสถานการณ์น้ำท่วมของจังหวัด ลำปางขณะนี้ว่า มีอำเภอที่ได้รับผลกระทบรวม 9 อำเภอ 25 ตำบล 60กว่าหมู่บ้าน ขณะที่ลำน้ำแม่ตาน ลำน้ำแม่ตุ๋ย มีปริมาณที่ลดลงแต่แม่น้ำวังมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเขื่อนกิวคอหมาและเขื่อนกิวลมได้เพิ่มการระบายน้ำออกจากเขื่อนเนื่องจากมีน้ำไหลเข้าเขื่อนจำนวนมากเกินความจุ ซึ่งคาดว่าจะปล่อยน้ำเพิ่มสูงไปถึง 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำแม่วังเพิ่มสูงขึ้นด้วยเรื่อยๆโดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำวัง รวม 6 อำเภอ ตั้งแต่ท้ายเขื่อน คืออำเภอแจ้ห่ม อำเภอเมืองลำปาง อำเภอเกาะคา อำเภอสบปราบ อำเภอเถิน และอำเภอแม่พริก ขณะนี้ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมเฝ้าระวังในพื้นที่ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในจุดเสี่ยงทั้งหมดที่อยู่ริมแม่น้ำวังให้อพยพออกจากพื้นที่

เร่งซ่อมทางรถไฟสายเหนือ คาดเดินรถได้พรุ่งนี้ (25 ก.ย.)

ส่วนที่บริเวณทางรถไฟใกล้อุโมงค์ขุนตาล ที่เกิดดินสไลด์พัดดินและหินรองรางจนเสียหาย ทำให้การเดินรถไฟสายเหนือเป็นอัมพาตตั้งแต่เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) ล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาของการรถไฟได้เข้าซ่อมบำรุงทางจนแล้วเสร็จ คาดว่าการปรับปรุงทางให้พร้อมเดินรถ จะเรียบร้อยในค่ำคืนนี้ และในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.) จะสามารถทำให้รถไฟสายเหนือทั้ง 12 ขบวน กลับมาเดินรถได้ตามปกติ

เร่งกำจัดโคลน-เสริมบิ๊กแบ็กป้องกันน้ำทะลักซ้ำ

ส่วนที่บ้านถ้ำผาจม ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย เจ้าหน้าที่ ยังคงเร่งฟื้นฟู กำจัดดินโคลนออกจากถนนและบ้านเรือน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปอยู่อาศัย และทำความสะอาดบ้านของตนเองได้ และเนื่องจากฝนที่เริ่มตกลงมาอีกครั้ง ทำให้ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้นำบิ๊กแบ็กมาเสริมผนังกั้นน้ำ 4 จุดสำคัญ เพื่อป้อนกันน้ำทะลักท่วมซ้ำ

ขณะที่พื้นที่ตลาดสายลมจอย ล่าสุดขยะ และดินโคลน เริ่มถูกกำจัดออกไปทิ้งเกือบหมดแล้ว มีการเปิดเส้นทางให้รถวิ่งได้บ้าง และเร่งลอกคลองในตลาด เพื่อให้น้ำไหลสะดวกขึ้น เพราะขณะนี้พบว่าปริมาณขยะที่อยู่ภายในคลองค่อนข้างมาก

ด้าน นายอำเภอแม่สายให้ข้อมูลว่า การกำจัดขยะและดินโคลน คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการฟื้นฟูให้ชาวบ้านสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านได้ ส่วนตอนนี้ยังมีคนเข้าบ้านไม่ได้ เพราะดินโคลนปิดเส้นทาง มีประมาณ 500 หลังคาเรือน ซึ่งเจ้าหน้าที่และจิตอาสาจะให้การช่วยเหลือและดูแลจนกว่าจะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย