สมุทรสาคร 16 ก.ย. – โรงพยาบาลแจงปมสลับเด็กทารกไทย-เมียนมา คาดเกิดจากช่วงทำหัตถการรักษาอาการป่วย ต้องตัดสายรัดข้อมือ พร้อมเยียวยา 2 ครอบครัวๆ ละ 100,000 บาท และให้สิทธิรักษาทุกโรคทุกกรณีไปจนกว่าเด็กทั้งสองจะอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโซเชียล เมื่อมีพ่อคนหนึ่งเล่าเหตุการณ์ว่าลูกสาวของตนเองเกิดวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา เด็กหายใจเร็วจึงต้องแยกห้องกับแม่ แม่นอนห้องพักฟื้น ลูกนอนห้องอภิบาล โรงพยาบาลให้เยี่ยมได้ 18.30-20.00 น. ตนเองกับแฟนไปเยี่ยมตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม แต่พยาบาลห้ามถ่ายรูป แต่ตนเองแอบถ่ายรูปลูกไว้ทุกวัน ส่งให้แม่และญาติๆ พอวันที่ 17 สิงหาคม ไปเยี่ยมลูกอีกครั้ง แต่กลับพบว่าหน้าลูกเปลี่ยนไป จากผมยาวก็สั้น จากมีคิ้วก็หายไป ป้ายชื่อที่ข้อมือซ้ายกับขาขวาก็หาย รวมทั้งเสื้อผ้าและผ้าขนหนู ก็ไม่ใช่ของลูก
พอสอบถามพยาบาลได้คำตอบว่า “ป้ายอาจหายตอนอาบน้ำ ส่วนเสื้อผ้าในกล่องอาจจะสลับกันได้”
วันที่ไปรับลูกกลับบ้าน พ่อคนดังกล่าวเผยว่าสับสนในตัวเองมาก เพราะมองอย่างไรก็ไม่ใช่หน้าลูกของตนเองที่แอบถ่ายรูปไว้ จนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว โทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาล เพราะมั่นใจว่าต้องมีการสลับเด็กแน่ๆ แต่พยาบาลอธิบายว่า “เด็กหน้าเปลี่ยนทุกวัน” แต่สุดท้ายยังไม่สบายใจ จึงชวนภรรยาไปตรวจ DNA ผลปรากฏว่าเด็กมีเลือดกรุ๊ป B ทั้งที่ตนเองกรุ๊ป AB และภรรยากรุ๊ป A สุดท้ายโรงพยาบาลตามหาลูกที่แท้จริงให้จนเจอ พบกับครอบครัวชาวเมียนมา มีการเจาะเลือดของครอบครัวดังกล่าว พบว่าพ่อแม่ชาวเมียนมามีเลือดกรุ๊ป B แต่เด็กที่คิดว่าเป็นลูกของครอบครัวนี้มีเลือดกรุ๊ป AB
วันนี้ (16 ก.ย.) นายแพทย์ สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร นายแพทย์ ธรรมวิทย์ เกื้อกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระทุ่มแบน รองผู้อำนวยการ และหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล ชี้แจงเหตุสลับตัวเด็กทารก ว่าเป็นเหตุผิดพลาดที่เกิดขึ้นจริงจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลกระทุ่มแบน ยอมรับผิดและขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการสลับตัวนั้น พอสรุปได้ว่าเด็กทั้ง 2 คน มีอาการติดเชื้อและจำเป็นต้องให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดกับให้น้ำเกลือ ดังนั้น ช่วงที่มีการดูแลด้วยหัตถการ ทั้งการให้น้ำเกลือและการอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเด็กอ่อน จึงต้องตัดสายรัดข้อมือออก จนนำมาสู่ความผิดพลาดครั้งนี้
ต่อมาทางโรงพยาบาลเจรจากับ 2 ครอบครัว เรื่องการให้บริการทางด้านการแพทย์ โดยให้สิทธิในการรักษาทุกโรคทุกกรณีไปจนกว่าเด็กทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ หรืออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และการมอบเงินเยียวยาจิตใจ ทางโรงพยาบาลมอบให้แก่ทั้ง 2 ครอบครัว ครอบครัวละ 100,000 บาท
ขณะที่พ่อที่ออกมาร้องเรียนซึ่งเป็นคนไทย เปิดใจหลังการเจรจาข้อยุติวันนี้ว่า ตนไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร แต่รู้สึกพอใจที่ข้อหารือจากการพูดคุยกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นไปตามที่ร้องขอไว้ ซึ่งทางโรงพยาบาลยินดีที่จะดูแลเด็กๆ ทั้งสองคนอย่างต่อเนื่อง และการเยียวยาจิตใจทั้งสองครอบครัว.-สำนักข่าวไทย