สระบุรี 27 ส.ค. – เด็กชายวัย 9 ขวบ ที่ จ.สระบุรี มีอาการเหมือนถูกผีเข้าสิง วอนหมอปลาช่วย แต่หมอปลาลงพื้นที่แล้วไม่พบว่ามีผี คาดน่าจะเป็นอาการทางจิตใจ ด้านหมอเด็ก ชี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย รวมถึงอาการป่วยทางร่างกายด้วย
ภาพเด็กชายวัย 9 ขวบ กำลังดิ้นโวยวาย มีอาการคล้ายถูกผีเข้า ร้องอยากกินเลือดหมู ไก่สด และจะเอาร่างเด็กชาย 9 ขวบไปอยู่ด้วย สร้างความแตกตื่นและหวั่นใจให้กับครอบครัวและผู้พบเห็นนี้ ทวีความรุนแรงขึ้น นับตั้งแต่เด็กชายคนดังกล่าวนำพระพุทธรูปที่หักพังจากโคนต้นไม้กลับมาที่บ้าน เมื่อ 4 วันที่แล้ว
พี่สาวของเด็กชาย เล่าว่า ปกติน้องชายจะชื่นชอบพระ และเก็บพระที่แตกหักชำรุดกลับมาซ่อม โดยดูตัวอย่างจากยูทูบ แต่หลังจากที่เก็บพระพุทธรูปมาจากโคนต้นไม้หลังโรงเรียนและหลังวัด ทั้งหมด 3 องค์ น้องชายก็เริ่มมีอาการผิดปกติเหมือนถูกสิงร่าง จึงอยากให้หมอปลาเข้ามาช่วยเหลือ และเมื่อหมอปลาลงพื้นที่ ก็พบว่าไม่ได้มีพลังงานของสิ่งลี้ลับแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะเป็นอาการที่เกิดจากสภาวะจิตใจของเด็กเอง
ขณะที่ข้อมูลจากทางโรงเรียน ก็ไม่พบว่าน้องมีปัญหาอะไรที่น่าเป็นห่วง เป็นเด็กเรียนดี แข่งขันวิชาการได้ที่ 1 ตลอด ทางครอบครัวจึงพาตัวเด็กชายไปเข้ารับการรักษาที่ รพ.สระบุรี เบื้องต้นพบว่ามีอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากไม่ได้รับประทานอาหาร และยังไม่พบอาการผิดปกติอื่น หลังกลับจากโรงพยาบาล ก็ไม่พบว่ามีอาการผีเข้าอีก และเด็กชายก็ไม่รู้สึกตัวว่าตนเองทำอะไรไปบ้าง
ขณะที่ในมุมของผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ อย่าง “หมอเดว” รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ให้ความเห็นว่า การจะวินิจฉัยว่า เด็กเกิดอาการในลักษณะนี้ได้อย่างไร จะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งอุปนิสัย สภาพแวดล้อมรอบตัวเด็ก และอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจเป็นไปได้ คือ อาการของโรคลมชัก ที่อาจเกิดลักษณะอาการได้หลากหลาย
สิ่งที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่ง คือ ความปลอดภัยในการได้รับสื่อจากโซเชียล และแหล่งอื่นๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย แต่ควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี การรับสื่อเกี่ยวกับสิ่งใดมากๆ หรือความชื่นชอบเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นนามธรรม อย่างความเชื่อต่างๆ อาจทำให้เกิดการปรุงแต่งขึ้นได้ จึงอยากฝากผู้ปกครองให้ระมัดระวัง แม้ว่าเนื้อหาอาจดูไม่อันตรายมากนัก แต่พึงตระหนักไว้ว่า วิจารณญาณของเด็กยังไม่มากเพียงพอ ยังจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำและเอาใจใส่จากผู้ปกครองเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ “หมอเดว” ยังแนะนำอีกว่า ควรพาทั้งเด็กและผู้ปกครองใกล้ชิดเข้าพบแพทย์ จะทำให้ได้ทั้งข้อมูลจากในมุมของเด็กเอง และข้อมูลพัฒนาการตามวัยจากทางฝั่งผู้ปกครอง ซึ่งจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลรักษาต่อไป ไม่ใช่แค่ในกรณีนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเคสอื่นๆ ด้วย. – สำนักข่าวไทย