รวบไรเดอร์หื่น พยายามข่มขืนครูสอนภาษา

อุบลราชธานี 24 ส.ค.- ตำรวจใช้เวลาเพียง 6 ชม. ตามรวบไรเดอร์หื่น พยายามข่มขืนครูสอนภาษาสาวชาวเยอรมัน โดยเจ้าตัวขัดขืนทำให้ถูกชกหน้าจนบวมช้ำ


เมื่อเวลา 01.00 น.(24 ส.ค.) ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี นำกำลังเข้าจับกุมนายธิติพงศ์ อายุ 39 ปี ขณะขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านหน้าสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานที่ 7 อุบลราชธานี หลังก่อเหตุพยายามข่มขืนอาจารย์สอนภาษาสาว วัย 21 ปี ชาวเยอรมัน โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองอุบลราชธานี โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.30 น. วานนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุมีหญิงสาวต่างชาติ ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ และได้เข้ามาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี บริเวณหน้าร้านชาโชคดี ถนนสรรพสิทธิ์ เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่เกิดเหตุ พบผู้เสียหาย อายุ 21 ปี เป็นอาจารย์สอนภาษาชาวเยอรมันอยู่ในอาการตกใจ ร้องไห้ตลอดเวลา

สอบถามผู้เสียหาย เบื้องต้นทราบว่า ขณะมาทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองอุบลราชธานี กระทั่งเวลา 19.00 น. ได้เรียกใช้บริการไรเดอร์ผ่านแอปพลิเคชันหนึ่ง เพื่อให้ไปส่งที่บ้านพัก ในโรงเรียน แต่ระหว่างทาง ไรเดอร์พาเลี้ยวเข้าป่าข้างทางและพยายามข่มขืน ผู้เสียหายฮึดสู้ขัดขืนจนถูกไรเดอร์ชกที่ใบหน้าจนบวมช้ำ ก่อนจะหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี


หลังเกิดเหตุประมาณ 3 นาที ตำรวจ 191 และชุดสืบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายธิติพงศ์ พักอาศัยในเขตพื้นที่บ้านหนองปลาปาก ตำบลขามใหญ่ จึงได้นำกำลังไปดักซุ่ม กระทั่งเวลา 01.00 น.(24 ส.ค.) พบนายธิติพงศ์ ขี่รถจักรยานยนต์คันก่อเหตุผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเรียกให้จอด แต่นายธิติพงศ์ พยายามหลบหนี แต่ก็ไปไม่รอด ใช้เวลาจับกุมเพียง 6 ชั่วโมง

ผู้ก่อเหตุ อ้างว่าครูสอนภาษายั่วยวนก่อน

สอบถามผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่าเป็น ไรเดอร์ ไปรับผู้เสียหายจริง โดยอ้างระหว่างทางถูกผู้เสียหายยั่วยวนด้วยการนำหน้าอกมาถูหลัง จึงรู้สึกว่าอาจมีความต้องการ จึงขี่รถเข้าไปข้างทางเพื่อดูท่าทีผู้เสียหาย ซึ่งไม่ได้ขัดขืน จึงจอดรถเข้าไปข้างทางแล้วโอบผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายขัดขืนและมาขยุ้มตา ด้วยความโมโหจึงชกใบหน้าผู้เสียหายไป 2 ครั้ง ก่อนที่ผู้เสียหายจะวิ่งหนีไป จึงกลับมาขับรถส่งอาหารตามปกติ ยืนยันไม่คิดจะข่มขืน เพราะข้อมูลของตนมีอยู่ในแอปฯ ทุกอย่าง ยังไงก็ไม่รอด แต่ที่ทำเพราะถูกยั่วยวน ส่วนเรื่องมือถือไอโฟนตนไม่ได้เอาไป ซึ่งมือถือของตนก็หาไม่เจอเช่นกัน


ขณะที่โลกโซเชียลและกลุ่มไรเดอร์ มีการตื่นตัวแชร์ภาพนายธิติพงศ์ กว่า 700 ครั้ง เพื่อติดตามเอาตัวมาลงโทษ เพราะทำให้กลุ่มไรเดอร์ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย พบว่ามีผลเป็น + และผู้ก่อเหตุเองก็รับสารภาพว่าเพิ่งเสพยาบ้ามาตอนเช้า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งดำเนินคดีหลายข้อหา เช่น ชิงทรัพย์ กระทำการอนาจาร ทำร้ายร่างกายผู้อื่น หน่วงเหนี่ยวกักขัง และเป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน) ก่อนจะนำตัวฝากขังในวันนี้

ล่าสุดพนักงานสอบสวนควบคุมตัวนายธิติพงศ์ไปขออำนาจศาลจังหวัดอุบลราชธานี ฝากขังผัดแรก ในข้อหาชิงทรัพย์ กระทำอนาจาร ทำร้ายร่างกายผู้อื่น หน่วงเหนี่ยวกักขัง และเป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน) ท้ายคำร้องเจ้าหน้าที่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีพฤติกรรมหลบหนี และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และกระทำต่อชาวต่างชาติ

หลังเกิดเหตุผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพูดคุยกับพลเมืองดีที่ช่วยเหลือครูสอนภาษาชาวเยอรมัน เปิดเผยว่า ช่วงที่เกิดเหตุกำลังพาครอบครัวไปกินปิ้งย่าง ระหว่างทางก่อนถึงห้างฯ เห็นหญิงสาววิ่งออกมาจากป่าข้างทางมาขอความช่วยเหลือจึงจอดรถดู พบว่าสภาพหญิงสาวตื่นกลัว ใบหน้ามีร่องรอยบวมช้ำ จึงสอบถามพบว่าเป็นครูโครงการแลกเปลี่ยนจากประเทศเยอรมนี กำลังจะกลับบ้านพัก โดยเรียกใช้บริการไรเดอร์ผ่านแอปฯ แต่คนขับกลับพาเข้าไปในป่าข้างเพื่อล่วงละเมิด จึงช่วยโทรแจ้งตำรวจ เรียกกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล

ทั้งนี้ อยากให้เหตุดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์สำหรับหญิงสาวที่เรียกใช้บริการรถแท็กซี่หรือไรเดอร์ ให้แคปหน้าจอถ่ายคลิปส่งขอมูลรถที่จะใช้บริการไปให้ญาติหรือคนที่ไว้ใจ เพราะหากเกิดเรื่องจะได้ติดตามช่วยเหลือได้ทัน.-สำนักข่าวไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ล่าหนุ่มโมร็อกโก ฆ่าโหดหมอแซมมี่ เผ่นหนีฮ่องกง

ตำรวจประสานตำรวจสากล เร่งล่าตัวแฟนหนุ่มชาวโมร็อกโก ผู้ต้องสงสัยฆ่าโหดหมอแซมมี่ แพทย์ความงามสาวสอง เจ้าของคลินิกเวชกรรมชื่อดังเชียงใหม่ พบเผ่นหนีไปฮ่องกงแล้ว

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชวนลงทุนซิม-ตู้เติมเงิน

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชักชวนลงทุนซิมและตู้เติมเงิน อ้างสิทธิ กสทช. พบมีผู้เสียหาย 5,000 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท

รถตู้กลับจากแข่งเรือเสียหลักชนต้นไม้ ดับ 4 เจ็บ 9

สลด! รถตู้กลับจากแข่งเรือยาวที่ จ.ปทุมธานี เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ บนถนนสายลำปาง-งาว จ.ลำปาง เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สถาบันประสาทฯ ชี้นวดต้นคอเสี่ยงอันตราย เหตุเป็นศูนย์รวมอวัยวะสำคัญ

สถาบันประสาทวิทยา ชี้นวดต้นคอเสี่ยงอันตราย เพราะเป็นศูนย์รวมอวัยวะสำคัญ มีทั้งหลอดเลือด และกระดูก ไม่ได้มีแต่กล้ามเนื้อ นวดผิดชีวิตเปลี่ยน ตั้งแต่อัมพฤกษ์ อัมพาต จนเสียชีวิต

“แม่น้องผิง” ติดใจการตายของลูกสาว วอนร้านนวดรับผิดชอบ

แม่นักร้องสาว “ผิง ชญาดา” ติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว อยากให้เจ้าของร้านนวดแสดงความรับผิดชอบ เผยมีลูกสาวคนเดียว เป็นเสาหลักของครอบครัว ด้านเพจ “หมอไทยสตอรี่” เตือนนวดบริเวณคอผิดวิธี เสี่ยงเส้นเลือดเสียหาย-กระดูกสันหลังเคลื่อน-เส้นประสาทถูกทำลาย แนะหากมี 4 อาการหลังนวด ควรพบแพทย์ด่วน

ตร.ทองหล่อ บุกทลายปาร์ตี้ไฮโซกลุ่มลับ พบยาเสพติด

ตำรวจทองหล่อบุกทลายปาร์ตี้ไฮโซกลุ่มลับในโรงแรมย่านคลองเตยเหนือ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ตรวจค้นพบยาเค ยาอีจำนวนหนึ่ง จึงคุมตัวนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปตรวจหาสารเสพติด

อุทาหรณ์นวดบิดคอ! นักร้องสาวเสียชีวิตแล้ว

อุทาหรณ์นวดบิดคอ! นักร้องสาวเข้าร้านนวดแบบบิดคอ ก่อนมีอาการตัวชา-ร่างกายอ่อนแรง กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว