สมุทรปราการ 19 ส.ค. – “คิวพี” พร้อม “พ่อ-ลุงเจ้าของเรือเจ็ตสกี” เข้าให้ปากคำกับเจ้าท่าสมุทรปราการ หลังขี่เจ็ตสกีพุ่งชนเรือหางยาวข้ามฟากขนาดเล็ก กลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งน้ำพระประแดง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
กรณีนายชินดนัย หรือ คิวพี นักแสดงละครซีรีส์ ขี่เจ็ตสกีพุ่งชนเรือหางยาวข้ามฟากขนาดเล็ก กลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งน้ำพระประแดง จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ ผู้โดยสารที่มากับเรือหางยาว และคนขับเรือโดยสาร
วันนี้ (19 ส.ค.) เวลา 11.45 น. นายคิวพี อายุ 21 ปี ผู้ขับเรือเจ็ตสกี เดินทางมายังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ เพื่อพูดคุยและให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแก่เจ้าพนักงานเจ้าท่า
ผู้สื่อข่าวพยายามเข้าไปพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงกับนายคิวพี ว่าต้องการขอโทษอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ รวมทั้งสภาพจิตใจ หรืออยากกล่าวอะไรถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปรากฏว่านายคิวพีได้แต่ก้มหน้าและไม่ตอบคำถามใดๆ เช่นเดียวกับพ่อและลุงของนายคิวพีที่ปิดปากเงียบ ก่อนที่ทั้ง 3 คน จะเดินทางขึ้นไปยังห้องสอบสวน ชั้น 2 โดยมี นายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ และเจ้าพนักงาน ร่วมสอบสวน
นายฉัตรชัย ให้ข้อมูลว่า วันนี้เรียกทั้งตัวเจ้าของเรือและนายคิวพีมาเพื่อสอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานกรมเจ้าท่า รวมทั้งจะให้ทั้งสองคนนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับใบทะเบียนเรือเจ็ตสกีและประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือหรือใบนายท้าย ซึ่งเปรียบเสมือนใบขับขี่รถยนต์ มาแสดงต่อเจ้าพนักงานด้วย
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ผู้ขับขี่เรือได้นั้นต้องมีประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือหรือใบนายท้าย ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่านายคิวพีมีใบนายท้ายตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่ แต่หากไม่มีใบดังกล่าวจะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าพนักงานกรมเจ้าท่าจะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง ต่อไป โดยความผิดฐานไม่มีใบท้ายเรือตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจากกระแสข่าวขณะนี้มีปัญหาเรื่องท้องที่ที่รับผิดชอบคดีกลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นของ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หรือ สน.บางคอแหลม กทม. พ.ต.อ.ประภาส กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ว่าเป็นเขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจใดนั้น ต้องให้ทางเจ้าท่าเป็นผู้ชี้ชัดตรวจสอบก่อนว่าเครื่องยนต์เรือยาวที่ถูกชนตกอยู่ในท้องที่ใด รวมทั้งต้องให้ทางเจ้าท่าดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับเส้นทางการเดินเรืออย่างละเอียด จึงจะสามารถชี้ชัดได้ว่าท้องที่ใดต้องรับผิดชอบและจะสามารถดำเนินคดีทางอาญาได้ ส่วนในเรื่องความผิดเกี่ยวกับการขับเรือเจ็ตสกีนั้น ต้องให้ทางเจ้าท่าเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนและแจ้งความดำเนินคดี
ด้านนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านความปลอดภัย ระบุว่า กรมเจ้าท่าได้มีการออกประกาศโดยอธิบดีกรมเจ้าท่า ห้ามขี่เจ็ตสกีในเส้นทางสัญจรหรือในแม่น้ำ นับตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน โดยประกาศจะมีผู้ตรวจการกรมเจ้าท่า เป็นเจ้าพนักงานควบคุม หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษ ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
นอกจากนี้กรมเจ้าท่า อยากจะให้ผู้สัญจรเรือทางน้ำตระหนักให้ความสำคัญการการใส่เสื้อชูชีพ เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ เพราะในคดีนี้ เรือที่ผู้เสียชีวิตโดยสารนอกจากไม่ได้จดทะเบียนเรือแล้ว ทั้ง 2 ราย ไม่ได้สวมเสื้อชูชีพด้วย.-สำนักข่าวไทย