ร้อยเอ็ด 16 ก.ค. – ตู้เย็นระเบิดเสียงดังสนั่น ทำบ้านพังเสียหาย ผนังบ้าน หลังคาบ้าน กระเด็นถูกบ้านเคียงได้รับความเสียหายบางส่วนอีก 3 หลัง
ช่วงค่ำวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านหนองจิก ต.ดงลาน อำเภอเมือง จ.ร้อยเอ็ด ระหว่างพ่อแม่ลูกกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ จู่ๆ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น รีบลุกขึ้นมาดูพบว่าไฟลุกไหม้ตู้เย็น จึงรีบวิ่งหาน้ำมาดับไฟ แต่ไฟยังไหม้ลามไปจุดอื่น ส่งผลบ้านพังเพราะแรงระเบิด
บ้านหลังนี้เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ซากตู้เย็นสีม่วงพบมีรอยไหม้พังยับเยิน สภาพวางหงาย ฝาหลุดออกจากตัวเครื่อง ข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจาย แรงระเบิดทำให้ผนังบ้าน หลังคาบ้าน กระเด็นไปถูกบ้านข้างๆ จนบ้านต้นเหตุเหลือแต่โครง ส่วนบ้านข้างเคียงอีก 3 หลัง ได้รับความเสียหายด้วยบางส่วน
ในบ้านมีผู้อยู่อาศัย 3 คน เป็นพ่อแม่ลูก ทราบชื่อเจ้าของบ้านผู้เป็นพ่อคือ นายรุ่งระพี อายุ 39 ปี ทั้งหมดต้องอพยพไปนอนบ้านญาติที่อยู่ติดกัน ซึ่งในตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่และพิสูจน์หลักฐาน เพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว
“อ.เจษฎา” เตือนตู้เย็นระเบิดได้ต้องระวัง
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ระบุว่า ตู้เย็นก็ระเบิดได้ ต้องระมัดระวัง แล้วเคยเกิดขึ้นหลายครั้ง ถ้าถามว่าตู้เย็นมีโอกาสระเบิดได้หรือไม่? คำตอบคือได้ แต่สำหรับกรณีบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด ต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐานก่อนว่ามีสาเหตุแน่ชัดจากอะไรบ้าง ในอดีตที่ผ่านมาเคยมีข่าวตู้เย็นระเบิดทั้งในไทยและต่างประเทศ และรุนแรงระดับที่ทำให้บ้านเรือน ทรัพย์สินเสียหายได้
สาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นไปได้จากหลายปัจจัย ได้แก่
- 1. ไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนมากจะเกิดการลุกไหม้จากปลั๊กและสายไฟ ทำให้เปลวเพลิงลามมาถึงตู้เย็นก็เกิดการระเบิดขึ้น
- 2.คอมเพรสเซอร์ระเบิด จะเห็นร่องรอยการระเบิดที่ด้านหลังของตู้เย็น อาจเกิดจากคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป หรือได้รับความร้อน (จากเพลิงไหม้) ถ้าแค่ตัวคอมเพรสเซอร์เท่านั้นที่ระเบิด ส่วนมากจะไม่เกิดไฟลุกไหม้
- 3.เกิดจากแรงดันของก๊าซหรือแอลกอฮอล์ การที่นำเครื่องดื่มที่มีก๊าซอยู่ เช่น น้ำอัดลม เบียร์ หรือแม้แต่น้ำหอม ไปแช่แข็งในช่องฟรีซ อาจทำให้ระเบิดได้ เนื่องจากแรงดันของก๊าซในเครื่องดื่มนั้นมีอยู่มาก ยิ่งมีหลายขวดก็ยิ่งเพิ่มความแรงขึ้น
10 ข้อควรระวังในการใช้ตู้เย็นเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเช่นนี้ ได้แก่
- 1.อย่าใช้งานตู้เย็นในแบบที่ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป แช่ของมากไปจนแน่นไปก็ไม่ดี แช่ของน้อยไป ปล่อยให้ตู้โล่งเกินไปก็ไม่ดี การนำของร้อนไปแช่เย็นทันทีเช่นกัน
- 2.ควรเดินสายดิน ช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรได้
- 3.ตั้งตู้เย็นให้เหนือระดับน้ำ สำหรับบ้านที่อยู่ใกล้น้ำหรือมีน้ำท่วมถึง
- 4.ไม่กระตุกปลั๊กตู้เย็น การดึงปลั๊กตู้เย็น ควรจับที่ตัวจับปลั๊ก ไม่ควรกระตุกจากสายไฟ เพราะอาจทำให้สายไฟขาดใน และอาจทำให้เกิดไฟรั่วได้ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วย
- 5.ไม่เปลี่ยนอะไหล่หรือซ่อมตู้เย็นด้วยตัวเอง หากไม่มีพื้นฐานในการซ่อมตู้เย็น ไม่ควรเปลี่ยนอาจทำให้สายไฟรั่วขาดระหว่างซ่อมได้
- 6.ไม่ใช้น้ำล้างตู้เย็น การล้างตู้เย็นควรใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้แห้ง เช็ดตู้เย็น หรือเช็ดกำจัดกลิ่นด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ
- 7.ปิดตู้เย็นให้สนิททุกครั้ง หากปิดตู้เย็นไม่สนิทจะทำให้ความร้อนเข้าไปด้านใน ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น
- 8.ควรเสียบปลั๊กกับเต้ารับโดยตรง ไม่ควรเสียบปลั๊กตู้เย็นกับปลั๊กสามตาหรือใช้ร่วมกับปลั๊กอื่น
- 9.ไม่ควรเก็บของที่มีสารเคมี หรือวัตถุไวไฟ ไว้ในตู้เย็น ตัวอย่างเช่น สีหรือยาบางชนิด สารไวไฟ น้ำหอมที่ไม่มีฝาปิดสนิท เพราะอาจทำให้เกิดการระเบิดได้
- 10.หมั่นเช็กความผิดปกติของตู้เย็น ถ้ามีอาการแปลกไป เช่น มีเสียงดังมากกว่าที่เคย มีความร้อนมาก หรือมีกลิ่นอะไรแปลกๆ อาจเป็นสัญญาณถึงความไม่ปกติ ไม่ควรนิ่งนอนใจ.-สำนักข่าวไทย
