อุตรดิตถ์ 8 ก.ค. – สายกินต้องลอง “ข้าวพันผัก” สูตรโบราณ อาหารพื้นถิ่นเมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์ สืบทอดรุ่นสู่รุ่น ประยุกต์เมนูหลากหลาย เอาใจลูกค้าทุกเพศทุกวัย ราคาไม่แพง ถือเป็นมรดกสร้างงาน สร้างรายได้ให้คนลับแล
ที่เขตเทศบาลตำบลศรีพนมมาศ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ บ้านไม้ยกพื้นสูงประมาณ 2.5 เมตร อายุไม่ต่ำกว่า 120 ปี ถูกปรับให้เป็นแหล่งค้าขายสร้างรายได้ กลายเป็น “มรดกสร้างงาน” ให้ลูกหลาน จนปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว น.ส.รัตนา มีเทียม หรือ หม่อนแก้ว อายุ 57 ปี เจ้าของบ้านและเจ้าของร้าน “เฮือนม่อนแก้วข้าวพันผักลับแล” กำลังจัดเตรียมหน้าร้านพร้อมรับลูกค้า บรรยากาศของร้านสะอาด น่านั่ง วัสดุอุปกรณ์มีผ้าขาวบางปิดกันฝุ่น-แมลงวันตอม ถ้วย จาน ช้อน อยู่ในถุงพลาสติก
ด้าน น.ส.รัตนา หรือ หม่อนแก้ว ระวิงอยู่กับการจัดทำเมนูที่ลูกค้าโทรมาสั่งจองตามคิว แม้ทั้งร้าน หม่อนแก้ว เป็นทุกอย่างให้กับลูกค้า ครบจบเพียงคนเดียวในร้าน แต่ลูกค้าไม่ต้องรอนาน เนื่องจาก หม่อนแก้ว มีความชำนาญ มากประสบการณ์ และทำเป็นประจำทุกวัน ประกอบกับ “ข้าวพันผัก” เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวลับแล ที่สืบทอดรุ่นสู่รุ่น สร้างงาน สร้างรายได้ อยู่ที่แต่ละร้านจะประยุกต์เมนูให้หลากหลาย สร้างจุดขายให้กับร้านของตัวเองอย่างไร
หม่อนแก้ว กล่าวว่า ข้าวพันผัก เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวลับแลแต่โบราณโดยแท้ แปลกตรง “เมนูข้าว” ที่ไม่มีข้าวแม้แต่เม็ดเดียว วัตถุดิบสำคัญ คือ แป้งข้าวเจ้าผสมน้ำตามสัดส่วน จากนั้นตักละเลงหรือไล้บนผ้าที่ขึงไว้ปากหม้อดิน เจาะรูที่มุมใดมุมหนึ่ง เพื่อให้ไอน้ำลอยขึ้นมาได้ โดยหม้อดินตั้งในน้ำเดือดกระทะขนาดใหญ่ (เหมือนกับการทำข้าวเกรียบปากหม้อ) ใช้ไอน้ำในการทำให้สุก นำผัก ถั่วงอก แคร์รอต วุ้นเส้น ใส่เข้าไปด้วย ปิดฝาไว้จนแป้งและผักสุก ก่อนจะห่อ จัดลงจาน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ผักชีฝรั่งหั่นฝอย นี่คือสูตรโบราณโดยแท้ กินกับน้ำจิ้มสูตรของทางร้าน
“ปัจจุบันมีการปรับให้ ข้าวพันผัก น่ากินและได้คุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น จึงมีเมนูหลากหลาย ซึ่งที่ร้านเฮือนหม่อนแก้วข้าวพันผักลับแล มีมากกว่า 20 เมนู ไม่รวมส้มตำ เช่น ข้าวพันผักใส่ไข่ ข้าวพันผักหมี่เหลือง ข้าวพันผักมาม่า ข้าวพันทรงเครื่อง ข้าวพันไข่ม้วนเห็ดเข็มทอง ข้าวพันไข่ม้วนหมี่เหลือง ข้าวไข่ม้วนปูอัด เป็นต้น ทั้งนี้ เมนูจะเน้นให้ถูกใจลูกค้าทุกเพศทุกวัย เด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ รับประทานได้ และราคาไม่แพง 20-30 บาทก็อิ่มท้อง”
หม่อนแก้ว กล่าวว่า ซิกเนเจอร์ของที่ร้าน และเป็นที่นิยม ลูกค้าต้องสั่ง คือ “ตำไทยเกี๊ยวกรอบ” นำเกี๊ยวมาหั่นเป็นเส้น ทอดให้กรอบ ใช้แทนเส้นมะละกอ ขณะรับประทานจะนัวและกรอบ มีเพียงหนึ่งเดียวที่ร้าน เพียงจานละ 40 บาท รับประทานคู่กับข้าวพันผัก พร้อมน้ำจิ้ม 3 รส คือ น้ำจิ้มพริกป่น น้ำจิ้มสุกี้สูตรโบราณเต้าหู้ยี้ และน้ำจิ้มสุกี้ปกติทั่วไป
“ข้าวพันผัก” ของทางร้าน ถือเป็น “มรดกสร้างงาน” หม่อนแก้วเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว โดยปรับใต้ถุนบ้านไม้เก่า อายุไม่ต่ำกว่า 120 ปี เปิดเป็นร้านเฮือนหม่อนแก้วข้าวพันผักลับแล อาจมีการประยุกต์เมนูให้หลากหลายขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ทุกวัน หากมีโอกาสมาเที่ยวเมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์ แวะมาชิม “ข้าวพันผัก ตำไทยเกี๊ยวกรอบ” – สำนักข่าวไทย