11 มิ.ย. – ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืนจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา โชเฟอร์รถบัสขับชน “น้องอาย” นักศึกษาแพทย์ เสียชีวิต โดยศาลเห็นว่าเป็นพฤติกรรมประมาทร้ายแรงอย่างยิ่ง ไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ
เกือบ 2 ปี หลังอุบัติเหตุสลด รถบัสคณะพยาบาลศาสตร์ พรากชีวิต “น้องอาย” นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 2 วัย 19 ปี บริเวณสามแยกคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 10 สิงหาคม 2565 วันนี้มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา นายสุรศักดิ์ โชเฟอร์รถบัส หลังศาลเห็นว่ามีพฤติกรรมการขับรถโดยประมาทร้ายแรงอย่างยิ่ง ซึ่งเวลาเกิดเหตุเป็นชั่วโมงเร่งด่วน มีรถพลุกพล่าน อยู่ในวิสัยที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง แม้จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน และได้ร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เพื่อบรรเทาผลร้ายแก่ญาติผู้เสียชีวิต ก็เป็นผลที่มาจากความประมาทของตัวเอง ไม่ถือเป็นเหตุบรรเทาโทษ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ส่วนคดีแพ่ง อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยศาลชั้นต้นยกฟ้องโชเฟอร์รถบัส และอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น จำเลยที่ 1 และ 2 แต่สั่งให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำเลยที่ 3 จ่ายค่าขาดไร้อุปการะให้พ่อแม่น้องอาย รวมกว่า 13 ล้านบาท จากมูลฟ้อง 50 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งถูกหักจากการประมาทร่วม เนื่องจากจอดรถจักรยานยนต์เลยเส้นให้หยุด 3-4 เมตร ซึ่งโจทก์อุทธรณ์ว่า น้องอายเป็นเพียงคนซ้อนท้ายไปกับเพื่อนนักศึกษาหญิง รูมเมท ไม่มีส่วนในการตัดสินใจ
หลังอุบัติเหตุคร่าชีวิตน้องอาย ทางมหาวิทยาลัยได้เพิ่มมาตรการเพื่อความปลอดภัยหลายจุด เช่น ติดตั้งสัญญาณไฟจราจรตรง 3 แยกจุดเกิดเหตุ เพิ่มป้ายและความชัดของเครื่องหมายจราจร เพิ่มไฟส่องสว่างให้ครอบคลุมตามจุดเสี่ยงต่างๆ อย่างไรก็ตาม วิศวกรรมจราจร ไม่ได้เป็นปัจจัยความปลอดภัยเดียว สำคัญยิ่งกว่านั้นคือพฤติกรรมการขับขี่ ซึ่งพบว่านักศึกษาไม่สวมหมวกนิรภัยจำนวนมาก และการฝ่าฝืนกฎจราจรต่างๆ ตามข้อมูลของนักศึกษา และ รปภ.
น้องอายเคยนอนรอรักษาไส้ติ่งหลายชั่วโมง ตอนอยู่ชั้น ม.2 จึงใฝ่ฝันอยากเป็นหมอเพื่อช่วยเหลือคนตั้งแต่วันนั้น เมื่ออุดมการณ์แรงกล้า ต้องปิดฉากจบลงด้วยความประมาทของคนอื่น ภาพความทรงจำต่างๆ และของใช้แทนตัวลูกสาวคนสุดท้องที่พกติดตัวตลอด จึงเป็นเพียงไม่กี่สิ่ง ที่ช่วยเยียวยาจิตใจคนเป็นแม่ให้ก้าวข้ามห้วงเวลาอันแสนลำบาก.-สำนักข่าวไทย.-สำนักข่าวไทย