ตร.นครพนม รวบ 2 หนุ่ม ลักลอบขนยาบ้า 3 แสนเม็ด

นครพนม 9 มิ.ย. – ตำรวจตระเวนชายแดนรวบชาย 2 คน ขับกระบะลักลอบขนยาบ้า เตรียมกระจายให้ลูกค้า กว่า 300,000 เม็ด สารภาพทำมาแล้วหลายครั้ง ได้ค่าจ้าง 40,000 บาท


การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจตระเวนชายแดน รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มค้ายาเสพติดนัดหมายส่งยาบ้า เช้าวันนี้ (9 มิ.ย.) บริเวณริมถนนหลวงหมายเลข 212 บ้านพนอมเหนือ ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงนำกำลังดักซุ่มดูตั้งแต่ช่วงเย็น พบวัยรุ่น 6 คน ขี่ซ้อนรถจักรยานยนต์มา 3 คัน และทิ้งกระสอบ 2 ใบไว้ที่ริมถนน

จากนั้นประมาณ 2 ทุ่ม นายสุเทพ และนายสุนทร ขับรถกระบะโตโยต้า 4 ประตู มาจอด แล้วลงมายกกระสอบขึ้นรถ ตำรวจจึงแสดงตัว นายสุเทพ และนายสุนทร ตกใจทิ้งกระสอบไว้แล้วขึ้นรถขับหลบหนี ตำรวจขับรถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนรถนายสุเทพ และนายสุนทร เสียหลักพลิกคว่ำ จึงสามารถควบคุมตัวไว้ได้


ตรวจค้นตามร่างกายไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่กระสอบของกลาง ตรวจสอบพบเป็นยาบ้า 33,6000 เม็ด สองผู้ต้องหารับสารภาพว่าจะนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ตอนใน ทำมาแล้วหลายครั้ง ได้ค่าจ้าง 40,000 บาท ตำรวจจึงตั้งข้อกล่าวหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยมีไว้เพื่อการแพร่กระจาย ก่อนนำตัวดำเนินคดี

รวบวัยรุ่นสร้างตัว ค้ายาผ่านเฟซบุ๊ก
ส่วนคืนที่ผ่านมา (8 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี บุกรวบนายอภินพ อายุ 28 ปี พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ อ.ศรีราชา ขณะกำลังเดินเข้าคอนโดฯ แห่งหนึ่งใน ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจส่งสายลับติดต่อล่อซื้อยาเสพติดจากนายอภินพ ในราคา 30,000 บาท โดยนัดส่งมอบของกันที่กลางซอย 13 แหลมท้าวเทวา-ไซโล ซึ่งนายอภินพขับรถเก๋งมาจอดแล้วโยนห่อยาเสพติดไปในพงหญ้า ซึ่งเป็นวิธีหลบหลีกเจ้าหน้าที่ ส่วนการซื้อขายจะใช้เฟซบุ๊กติดต่อช่องทางเดียวเท่านั้น ตำรวจ 1 ชุดตรวจสอบห่อยาเสพติดและเก็บเป็นของกลาง ส่วนอีกชุดสะกดรอยตามนายอภินพจนมาถึงคอนโดฯ ที่พักแล้วเข้าจับกุมทันที


ตรวจตามร่างกายพบยาบ้าและไอซ์จำนวนหนึ่งในกระเป๋าสะพายสีดำ ก่อนนำตัวไปตรวจสอบต่อภายในห้องพักพบยาบ้าเพิ่มรวม 1,200 เม็ด และไอซ์ชนิดเกล็ดใส ถูกแพ้กไว้ในถุงซิปล็อกหลายห่อ น้ำหนักรวมกว่า 750 กรัม พร้อมตราชั่งดิจิทัล อุปกรณ์เสพไอซ์ และสมุดบัญชีรายชื่อลูกค้าที่ซ่อนในกล่องรองเท้า

ทั้งนี้ นายอภินพ สารภาพว่าเป็นเอเย่นต์รายใหญ่ในพื้นที่ มีเครือข่ายทั่ว จ.ชลบุรี ที่กำลังสร้างตัวที่จะมารับของไปปล่อยให้วัยรุ่นในพื้นที่ ด้านตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทยาบ้า, ยาไอซ์, โดยผิดกฎหมาย” ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และเร่งขยายผลจับกุมเครือข่ายนี้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง