บุรีรัมย์ 6 มิ.ย. – หญิงวัย 23 ปี หนีออกจากบ้านเช่าไปขอความช่วยเหลือเพื่อให้โอกาส อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ หลังถูกแม่แท้ๆ บังคับขายบริการให้ชายเจ้าของห้องเช่า เพื่อหาเงินจ่ายค่าเช่า-ซื้อยาบ้าเสพ
น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี หนีออกจากบ้านเช่าหลังหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ ไปขอความช่วยเหลือกับนายวรุต ขำเอนก ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อให้โอกาส ที่ อ.นางรอง น.ส.เอ อ้างว่าถูกแม่แท้ๆ บังคับขายบริการให้กับเจ้าของห้องเช่าสูงวัย เพื่อแลกกับเงินครั้งละ 200-1,000 บาท แล้วแม่จะเอาเงินดังกล่าวไปจ่ายค่าเช่าห้องและซื้อยาบ้ามาเสพ หาก น.ส.เอ ไม่ยอมทำตาม จะถูกแม่ทำร้ายร่างกาย จึงต้องจำใจยอมทำตามที่แม่บังคับมาตลอดรวมประมาณ 10 ครั้ง ซ้ำร้ายกว่านั้นหาก น.ส.เอ ดิ้นขัดขืน ไม่ยอมร่วมหลับนอนกับชายดังกล่าว จะใช้โซ่ล่ามเอาไว้ บางครั้งใช้โซ่เฆี่ยนตีและใช้มือบีบคอ จึงตัดสินใจหนีออกมาขอความช่วยเหลือ
ด้านนายวรุต เล่าว่า ตอน น.ส.เอ อายุประมาณ 12 ปี เคยถูกพ่อแท้ๆ กระทำชำเรา ทางมูลนิธิจึงรับน้องไว้ในความดูแล กระทั่งน้องอายุเกิน 18 ปี แม่จึงรับไปอยู่ด้วย แต่วันนี้ น.ส.เอ มาขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิอีกครั้ง บอกว่าแม่แท้ๆ บังคับไปให้ชายอื่นข่มขืนเพื่อแลกกับเงิน
ขณะที่นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋นบุรีรัมย์ พา น.ส.เอ เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมประสานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าให้ความช่วยเหลือ
ล่าสุด นางสิรินุช นพตลุง ผอ.ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่หาแนวทางช่วยเหลือ น.ส.เอ เบื้องต้นมูลนิธิรับตัว น.ส.เอ ไปดูแลชั่วคราว จนกว่าจะมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการช่วยเหลือในแนวทางไหนบ้าง เนื่องจากตอนที่น้องอายุ 12 ปี ก็เคยถูกพ่อแท้ๆ กระทำชำเรามาแล้ว
โดยในทางคดีทางตำรวจจะเรียกผู้เป็นแม่ รวมถึงผู้ที่ซื้อบริการ มาสอบปากคำ พร้อมทั้งรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ หากมีหลักฐานยืนยันได้ว่าทั้งแม่และผู้ซื้อบริการที่ถูกกล่าวหามีการกระทำผิดจริงจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนางสิรินุช กล่าวว่า ตอนนี้แพทย์จะตรวจประเมินสภาพจิตด้วย เนื่องจากน้องเคยมีประวัติด้านพัฒนาช้า หากผลตรวจจากแพทย์พบว่ามีความพิการหรือพัฒนาการช้า จะให้ความช่วยเหลือตามสิทธิผู้พิการ แต่หากแพทย์ระบุว่าไม่ได้เป็นผู้พิการ ก็จะให้ความช่วยเหลือตามแนวทางคนไร้ที่พึ่ง ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสภาพจิตใจและการใช้ชีวิตหลังจากนี้.-สำนักข่าวไทย