แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 18 ฆ่าแฟนสาวทิ้งศพอำพรางใต้ทางด่วน

6 มิ.ย. – พบประวัติหนุ่มวัย 18 มือฆ่าปาดคอแฟนสาวทิ้งศพอำพรางใต้ทางด่วนอุดรรัถยา ต้องคดีพรากผู้เยาว์-ป่วยจิตเวช เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังอำพรางศพ ด้านแม่ผู้เสียชีวิตหัวใจสลาย รู้ข่าวลูกสาวถูกฆ่าโหด เผยลูกสาวเป็นเด็กกตัญญู ทำงานส่งตัวเองเรียน


วงจรปิดเผยนาทีนายธนากรณ์ อายุ 18 ปี กำลังขี่รถจักรยานยนต์ขนศพแฟนสาวมาทิ้งอำพรางใต้ทางด่วนอุดรรัถยา ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี จากนั้นวงจรปิดอีกมุมจับภาพนายธนากรณ์ขี่รถไปถึงหมู่บ้านหลังหนึ่งใน ซ.พหลโยธิน 54/1 แขวงสายไหม เขตสายไหม ทันทีที่ตำรวจได้รับเบาะแสจึงเดินทางไปที่บ้านของผู้ก่อเหตุ ทราบว่าพักอยู่กับครอบครัว แต่จังหวะตำรวจนำกำลังเข้าไปที่บ้าน ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุพยายามกินยาหวังฆ่าตัวตายหนีความผิด แต่ครอบครัวมาพบก่อนจึงรีบให้ตำรวจประสานกู้ชีพช่วยพาตัวนำไปส่งโรงพยาบาล ขณะที่ตำรวจได้อายัดตัวทันที

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมีชาวบ้านไปพบศพนางสาววรัญญา อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สภาพเปลือยห่อด้วยผ้าห่ม มัดด้วยเข็มขัดนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่ศพพบบาดแผลถูกปาดด้วยของมีคมที่ลำคอจนหลอดลมขาด ข้อมือทั้งสองข้างถูกตัดขาด แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบชิ้นส่วนมือที่ถูกตัดไปในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ที่รักแร้ซ้ายหนีบดัมเบลสีฟ้า น้ำหนัก 3 กิโลกรัม ที่ขามีลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักสีเขียว น้ำหนัก 2 กิโลกรัม วางอยู่ เบื้องต้นคาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6-8 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายอาจตั้งใจนำศพไปทิ้งน้ำ แต่ระหว่างทางเปลี่ยนใจนำศพมาทิ้งอำพรางใต้ทางด่วน


นายทองแดง เจ้าของอู่ที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุเห็นผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์มาจอดและกำลังใช้หญ้าปกคลุมอะไรบางอย่าง ก่อนเดินไปหยิบถุงขยะในถังขยะฝั่งตรงข้ามมาเทใส่บนหญ้าที่ปกคลุมไว้ และขี่รถออกไป แต่ไม่นานก็กลับมาอีกครั้ง ตนจึงตะโกนถามไปว่า “เอาอะไรมาทิ้ง มึงมาเก็บไปเลย ไม่งั้นจะแจ้งตำรวจ” ด้านผู้ก่อเหตุตอบว่า “เอาของรักมาทิ้ง” และรีบขี่รถออกไปทันที

“หนุ่ม 18 ฆ่าแฟนสาว” พบประวัติต้องคดี-ป่วยจิตเวช
ต่อมา พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 แถลงหลังการจับกุมนายธนากรณ์ ว่าผู้ต้องหากับแฟนสาวคบหากันมานานกว่า 3 ปี เรียนอยู่ที่เดียวกัน โดยวันเกิดเหตุทั้ง 2 คน อาศัยอยู่ในบ้านร่วมกับพี่ชายและพี่สะใภ้ ต่อมาเวลา 02.00 น. มีการทะเลาะวิวาทกัน หลังจากนั้นก็เงียบไป ซึ่งคนในบ้านไม่ทราบว่ามีการฆาตกรรมและใช้มีดหั่นมือของผู้เสียชีวิตภายในห้องน้ำ ก่อนนำศพไปทิ้งอำพราง ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน ต้องสอบปากคำผู้ก่อเหตุอีกครั้ง โดยจากการสอบปากคำพี่ชายของผู้ก่อเหตุ ระบุว่าทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้ง แต่ไม่ถึงขั้นลงมือใช้ความรุนแรง

เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังอำพรางศพ นอกจากนี้พบว่าผู้ก่อเหตุมีประวัติคดีพรากผู้เยาว์ ซึ่งเป็น ด.ญ.วัย 13 และเป็นรุ่นน้องของผู้ตาย เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 65 มีการซื้อขายโทรศัพท์กับผู้ตายและผู้ก่อเหตุ แต่เด็กไม่มีเงินจ่าย ผู้ก่อเหตุจึงชกหน้า บีบคอ ทุ่มลงพื้นจนสลลบ หลังจากรู้สึกตัว ผู้ก่อเหตุลากตัวเด็กไปกระทำชำเรา และมีประวัติการรักษาอาการจิตเวชมาราว 1 ปี


ด้านพี่สาวของผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต ให้ข้อมูลว่า น้องสาวคบหากับผู้ต้องหามาประมาณ 1 ปีเศษ เคยมีปากเสียงเรื่องหึงหวงกัน แต่ไม่ทราบว่ารุนแรงขนาดนี้

แม่หัวใจสลาย รู้ข่าวลูกสาวถูกฆ่าโหด
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเกิดของผู้เสียชีวิต ที่ จ.อุตรดิตถ์ พบแม่กับยายของผู้เสียชีวิต ร้องไห้แทบขาดใจ พูดทั้งน้ำตาว่าหัวใจแม่แทบสลาย ลูกสาวเป็นเด็กกตัญญู ทำงานส่งตัวเองเรียน และยังเก็บออมส่งเงินมาให้แม่และน้องทุกๆ เดือน จะมากจะน้อยแต่ไม่เคยขาด ลูกสาวเป็นเด็กดีและหน้าตาดี ขยันทำมาหาเก็บตั้งแต่เด็ก เพราะเขารู้ว่าแม่ทำงานหนัก เลี้ยงลูก 3 คน เขาเป็นคนกลาง กำลังจะเดินตามความฝันสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนผู้ก่อเหตุเคยมาที่บ้านครั้งหนึ่ง พูดจาดี ไม่มีท่าทีจิตใจโหดเหี้ยม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]

นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมอยุธยาฯ

พระนครศรีอยุธยา 27 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ตรวจน้ำท่วม เร่งเยียวยาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เดินหน้าบูรณาการหน่วยงานใช้งบแสนล้านบาท พัฒนาระบบชลประทานและการจัดการน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ของพรรค ให้การต้อนรับ และในโอกาสนี้ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต1 ที่มาร่วมงานด้วย ทันทีที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาถึงบริเวณวัดโคกหิรัญ มีประชาชนมารอให้การต้อนรับ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ พร้อมร้องเพลง มาร์ช อสม.ต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับถ่ายรูปเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะรับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่ใช่พื้นที่ทุ่งรับน้ำ พื้นที่มีโฉนดที่ดินทั้งหมด ไม่ใช่ที่สาธารณะ หรือแก้มลิง พร้อมขอให้มีการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการประกอบอาชีพ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มาในสถานะนายกรัฐมนตรี ถือว่าสามารถที่จะมาตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกๆ มิติ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน กับพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายคือประโยชน์สูงสุดของประชาชน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้ มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก […]