ชุมพร 29 พ.ค. – อดีตข้าราชการเจอมรสุมชีวิตต้องกู้เงินนอกระบบมาหมุนใช้จ่าย แต่หาเงินมาผ่อนดอกโหดไม่ทัน ต่อรองไม่เป็นผล ถูกเจ้าหนี้ขู่ทำร้ายและจะโฟสต์ประจาน โร่แจ้งตำรวจช่วย
น.ส.วรา นามสมมุติ อายุ 37 ปี เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร หลังถูกนายทุนเงินกู้นอกระบบ ชื่อนายนัท ไม่ทราบชื่อ และนามสกุลจริง โทรศัพท์มาข่มขู่เอาชีวิต และขู่จะลงโฟสต์ประจานทางเฟซบุ๊ก เพจประวัติคนโกงชุมพร ทำให้เกิดความรู้สึกกลัวไม่ปลอดภัยในชีวิต
น.ส.วรา นามสมมุติ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองทำงานราชการอยู่หน่วยงานแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร และได้แต่งงานอยู่กินกับสามี หลังจากมีลูกด้วยกัน 2 คน สามีเริ่มมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด การงานไม่ทำ และติดการพนัน ถึงขนาดแพ้พนันแล้วจำนำรถในบ่อน ต้องกู้ยืมเงินมาไถ่ถอน สุดท้ายต้องแยกทางกัน ทิ้งไว้แต่หนี้สินก้อนโต จนตนต้องลาออกจากงาน จากปัญหาหนี้สินที่กู้ยืมทั้งญาติ และเพื่อนในวงราชการ
กระทั่งได้มาเจอกับนามบัตรของนายทุนเงินกู้ ที่ชื่อนัท ระบุข้อความว่า บริการเงินทุน ยินดีให้คำปรึกษา สำหรับทุกอาชีพ อนุมัติรวดเร็ว ทันใจ วงเงินตั้งแต่ 2,000-100,000 บาท จึงได้ติดต่อไปครั้งแรก กู้เงินมา 40,000 บาท แม้รู้ว่าดอกโหดแต่ก็จำเป็นเพื่อนำไปจ่ายให้กับเจ้าหนี้รายอื่น จนเมื่อไม่นานนี้ รร. เปิดเทอม ลูกสองคนจะต้องใช้จ่าย จึงขอกู้เพิ่มเติม ซึ่งเงินเก่าก็ผ่อนไปได้เกือบครึ่งทางแล้ว ครั้งนี้ได้กู้ในวงเงิน 50,000 บาท เพราะจะนำไปซื้ออุปกรณ์เรียนและชุดเสื้อผ้า แต่ด้วยเศรษฐกิจไม่ดี งานที่ทำเงินเกิดติดขัดอีก จึงได้ขอผ่อนผันกับเจ้าหนี้ โดยเสนอว่า จะขอรวบรวมและผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน เนื่องจากผ่อนวันละ 4,500 บาท ไม่ไหวจริงๆ แต่เจ้าหนี้กลับข่มขู่ ตนเองจึงมาขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมา พ.ต.ท.สกฤชญ สุขนิตย์ รอง ผกก สส.สภ.เมืองชุมพร จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน วางแผนให้น.ส.วรา โทรศัพท์ติดต่อไปยังนายนัท มาเจอบริเวณหน้าริมถนนหน้าโรงเรียนเทศบาล 1 บ้านท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อเจรจาและขอชำระเงินในบางส่วนให้ ไม่นาน นายนัท ขับรถยนต์มาตามจุดนัดหมายโดยมี น.ส.วรา ยืนยันตัว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว มายัง สภ.เมืองชุมพร ซึ่งห่างเพียง 100 เมตร
จากการสอบสวน นายนัท ให้การว่า ได้ปล่อยเงินกู้ให้แก่ น.ส.วรา เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท แต่ได้เงินจริงจำนวน 45,000 บาท โดยหักค่าดำเนินการเอกสาร 2,500 บาท แล ดอกเบี้ยงวดแรก 2,500 บาท โดยต้องส่งเงินต้น 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำนวน 2,500 บาท จำนวน 24 วัน/งวด ซึ่งต้องเสียดอกเบี้ยรวมเงินต้น 60,000 บาทต่อเดือน ซึ่งตนเองก็ได้แจ้งให้ น.ส.วรา ทราบแล้วถึงดอกเบี้ยและการผ่อนจ่าย และ น.ส.วรา ก็ยืนยันขอกู้เงินดังกล่าวไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่านายอนุสรณ์ คิดเป็นดอกเบี้ย 25% ต่อเดือน หรือคิดเป็น ดอกเบี้ย 304.1% ต่อปี ซึ่งเป็นการกระทำผิดฐานปล่อยเงินกู้เรียกรับดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา มาตรา 4 (1) ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดคือ ไม่เกิน 15% ต่อปี หรือร้อยละ 1.25% ต่อเดือน จึงทำบันทึกจับกุม โดยกล่าวหาว่า เป็นผู้ปล่อยเงินกู้ โดยเรียกรับอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย