ฉะเชิงเทรา ฝนตกหนัก น้ำท่วมขังหลายจุด

ฉะเชิงเทรา, กาญจนบุรี 22 พ.ค.-วานนี้หลายจังหวัดฝนตกหนักจนน้ำท่วมขัง อย่างฉะเชิงเทรา อ.ท่าตะเกียบ ท่วมหนักในรอบกว่า 50 ปี บางจุดน้ำสูงกว่า 80 ซม. ส่วนกาญจนบุรี น้ำป่าสูงกว่า 2 เมตร หลากท่วมบ้านเรือนประชาชน จนตั้งตัวไม่ทัน รถยนต์หรู รวมถึงกระบะนับ 10 คัน ถูกน้ำท่วมมิด

เจ้าหน้าที่พร้อมเรือ และรถยกสูง เข้าช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ บ้านซอย 2 ม.18 บ้านกระบกคู่ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ที่เกิดฝนตกหนักจนน้ำท่วมขัง บางจุดสูงกว่า 80 เซนติเมตร รถยนต์ชะลอตัวไม่สามารถใช้ควมเร็วได้มาก ถนน 3076 มี 4 จุดหลักๆ ที่ได้รับผลกระทบหนัก รถยนต์ถึงกับเครื่องยนต์ดับ ร้านค้าข้าวของลอยไปกับน้ำ คือ จุดที่ 1 แยกบ้านซอย 2 บ้านท่ากลอย จุดที่ 2 บ้านทุ่งยายดำ จุดที่ 3 บ้านกระบกคู่ และจุดที่ 4 สี่แยกสัญญาณไฟตลาดปลาบ้านหนองคอก


ทั้งนายอำเภอท่าตะเกียบ นายก อบต.คลองตะเก เตรียมระดมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายบูรณาการร่วม เฝ้าจุดเสี่ยงคือบ้านห้วยโสม บ้านไทรงาม บ้านวังหิน บ้านน้อยนาดี พร้อมเตรียมช่วยเหลือได้ทันที

จ.กาญจนบุรี ฝนกระหน่ำในพื้นที่อำเภอบ่อพลอย กว่า 2 ชั่วโมง ทำให้น้ำป่าสูงกว่า 2 เมตร หลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จนตั้งตัวไม่ทัน รถยนต์หรู BMW รวมถึงรถกระบะนับ 10 คัน ถูกน้ำท่วมมิดหลังคาจมอยู่ใต้น้ำ บริเวณบ้านใหม่ หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งมะสัง อำเภอบ่อพลอย นอกจากนี้น้ำยังท่วมข้ามถนนสายบ้านทุ่งมะสัง – ลาดหญ้า การจราจรใช้งานได้เลนเดียว ทำให้จารจรติดขัดยาว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดพายุฝนกระหน่ำบริเวณเขตอำเภอเมือง และอำเภอบ่อพลอยอย่างหนัก ทำให้บริเวณบ้านใหม่ หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งมะสัง อำเภอบ่อพลอย โดยบริเวณที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ระดับน้ำสูงกว่าเอว และน้ำป่าได้ไหลเชียวหลากมาเร็วมาก ไหลจากภูเขาลงมา เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน อย่างไม่ได้ตั้งตัว ระดับน้ำบางจุดสูงกว่า 2 เมตร ประชาชนไม่ทันขนย้ายสิ่งของถูกน้ำท่วมจมใต้น้ำในพริบตา

นายกฤต มังกะโรทัย ปลัดอำเภอบ่อพลอย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยบ่อพลอย และมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ระดมกำลังกว่า 50 นาย พร้อมเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของที่ถูกน้ำท่วมไปยังพื้นที่สูงได้บางส่วนแล้ว โดยระดับน้ำยังทรงตัวเนื่องจากมีสิ่งของไปปิดบังเส้นทางไหลของน้ำ ทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 จึงต้องนำรถแบ็กโฮ มาทำการขุดเจาะให้เส้นทางไหลของน้ำสะดวกยิ่งขึ้น

ชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า อยู่มากว่า 20 ปี เพิ่งมาเจอน้ำท่วมเป็นครั้งแรก ไม่เคยคาดคิดมาก่อนจะเจอแบบนี้ ส่วนมูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอให้น้ำลดลงก่อนประกอบกับเป็นเวลาค่ำต้องรอวันรุ่งขึ้นเป็นช่วงกลางวัน


ส่วนที่พัทยา เกิดเหตุถนนทรุดตัว ลึกและกว้างระดับรถตกไปได้ พื้นผิวถนนเกิดการทรุดตัวเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลึกกว่า 1 เมตร ยาวกว่า 5 เมตร บริเวณถนนเลียบทางรถไฟระหว่างซอย วัดธรรมสามัคคี ซอยเขาขาโล ถนนสุขุมวิทพัทยาใต้ ถนนสายสามแยกเพนียดช้าง เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ส่วนอีกจุดอยู่ใกล้กัน เป็นหลุมริมถนน ลึกประมาณ 10 เซ็นติเมตร ทีมกองช่างของเมืองพัทยา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ประเมินความเสียหาย แล้วปิดถนนห้ามรถสัญจรผ่านจุดดังกล่าว แล้วลงมือแก้ไขทันที โดยใช้รถแบคโฮขุดปรับระดับดินใต้พื้นผิวถนน แล้วจะต้องซ่อมแซมผิวถนนใหม่ คาดว่าใช้เวลาไม่นาน จะกลับมาใช้ถนนได้เหมือนเดิม

ในพื้นที่เมืองพัทยา มีฝนตกลงมาอย่างหนัก นานประมาณ 30 นาที คาดว่าหลังจากน้ำลดแล้ว เกิดการกัดเซาะดินใต้ผิวถนน ทำให้ทรุดตัวลง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ นำ ครม. แถลงผลประชุมนัดพิเศษ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – นายกฯ นำ ครม. แถลงผลประชุมนัดพิเศษ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน เศรษฐกิจ-ความมั่นคง-ภัยพิบัติ-สังคม เข้มปราบยา-พนันออนไลน์ ย้ำรัฐบาลนี้ไม่กาสิโน ลั่นทำงานไม่มีวันหยุด อาจประชุม ครม. มากกว่าสัปดาห์ละครั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คน แถลงผลการประชุม ครม.นัดพิเศษ ว่า ตนและคณะรัฐมนตรีได้มีการประชุมนัดพิเศษเป็นครั้งแรก ซึ่งได้มีการรับทราบถึงวาระสำคัญ ดังนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณาร่างนโยบายของรัฐบาลที่จะทำการแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเรากำลังรอคำยืนยันจากประธานรัฐสภาอยู่ คาดว่าต้นสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบนโยบายของรัฐบาล มีสาระสำคัญ คือ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจ การลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ผลักดันโครงการคนละครึ่ง ลดค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าพลังงาน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีค่าครองชีพ มีรายจ่ายลดลง นอกจากนั้น ในด้านพลังงาน จะสนับสนุนประชาชนได้ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น สะดวกขึ้น […]

สีสันรัฐมนตรีรวมตัว ถ่ายรูปทำบัตร

24 ก.ย. – ทำเนียบกลับมาคึกคัก หลังรัฐมนตรีมารวมตัว ถ่ายรูปทำบัตร วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนได้เห็นตัวรัฐมนตรี และครบทั้งคณะ งานนี้เรียกว่าเต็มไปด้วยสีสัน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เสียงสั่นน้ำตาคลอ ซาบซึ้งหลังนำ ครม.ถวายสัตย์ฯ

ทำเนียบ 24 ก.ย.-นายกฯ ปลื้มปีติเสียงสั่นน้ำตาคลอ ซาบซึ้งหลังนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ลั่นพร้อมทำงานสุดความสามารถ สละทั้งชีวิตให้ราชบัลลังก์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรีเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล หลังจากเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ ที่ตึกบัญชาการ 1 ทันทีที่มาถึง ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราโชวาทอย่างไรบ้าง โดยนายอนุทิน กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอ ว่า คณะรัฐมนตรีทุกคนได้รับพระราชทานพร และพระบรมราโชวาท ตนเชื่อว่า คณะรัฐมนตรีทุกท่านมีความปลื้มปีติ และจะต้องทำงานสนองพระเดชพระคุณ และสนองพระมหากรุณาธิคุณอย่างสุดความสามารถ สุดชีวิต สุดสมองของแต่ละท่านที่มีอยู่ เป็นมงคลสูงสุดที่พวกเราได้รับ ผู้สื่อข่าวกระเซ้านายกฯ ว่า ซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ นายอนุทิน ยิ้ม และพยักหน้ารับ ก่อนย้ำว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สามัญชนอย่างตนพึงได้รับ จะไม่มีทางทำอะไรนอกจากทำคุณงามความดีให้กับประเทศและประชาชน ตามพระราชดำรัสที่ได้รับสั่งไว้ เมื่อถามว่า ยอมสละชีวิตได้ทุกอย่างเลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “สละทั้งชีวิตให้ราชบัลลังก์ ซึ่งทำมานานแล้ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม”.-319.-สำนักข่าวไทย

สนง.เขตดุสิต ประกาศห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร ใกล้พื้นที่ถนนทรุดตัว

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – สำนักงานเขตดุสิต ประกาศห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร ใกล้พื้นที่ถนนทรุดตัว หน้า รพ.วชิรพยาบาล กรณีเกิดถนนทรุดตัวขนาดใหญ่บริเวณถนนสามเสน ทั้งสองฝั่ง ตั้งแต่แยกวชิรพยาบาล ถึงแยกราชวิถี ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาการจราจร การประกอบอาชีพ และการใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบาก ตลอดจนสิ่งสาธารณะของประชาชนได้รับความเสียหายในพื้นที่ และถนนอาจทรุดตัวเพิ่มใกล้อาคารที่อยู่บริเวณถนนสุโขทัย แขวงและเขตดุสิต กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นอาคารดังกล่าวอาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน เห็นควรหยุดใช้อาคาร หากมีการใช้อาคารอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้ใช้อาคารได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สำนักงานเขตดุสิต จึงประกาศห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2550 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร […]