พัทลุง 9 พ.ค. – หนุ่ม 19 ปี เข้าแจ้งความ โดนทำร้ายร่างกาย หลังถ่ายคลิปทหารเกณฑ์ยกพวก 12 คน รุมซ้อมเด็ก 15 จนเป็นข่าว ด้านแม่ทัพภาค 4 สั่งสอบ 2 พลทหารโพสต์ภาพถูกคุมขัง ไม่มีท่าทีสลด
จากกรณีคลิปนายกาย อายุ 15 ปี ถูกทหาร 2 นาย พร้อมพวกอีก 10 คน รุมกระทืบ ใช้ไม้และก้อนหินทุบตีศีรษะและลำตัว จนบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหักทะลุปอด ไอเป็นเลือด มีรอยช้ำที่ศีรษะและร่างกาย ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา บริเวณสวนสาธารณะพรุโต๊ะเต็ม ตำบลชะรัด อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง นำมาสู่การเป็นข่าว และทราบตัว ทหารเกณฑ์ 2 คน คือ พลทหารรพีภัทร และพลทหารอาศิษ ที่ร่วมกับพลเรือน ไปทำร้ายน้องกาย โดยอ้างว่า ผู้บาดเจ็บ เข้ามาลักขโมยเสื้อผ้าและทรัพย์สินของพลทหารรพีภัทร ทำให้พลทหารรพีภัทรไม่พอใจ จึงอุ้มตัวขึ้นรถจักรยานยนต์ไปทำร้ายร่างกาย ซึ่งขณะนี้ กองทัพภาคที่ 4 ควบคุมตัวพลทหารทั้งสองไว้เรียบร้อยแล้ว
แต่เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ นายบีม อายุ 19 ปี คนที่บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุตามมาบังคับให้ลบคลิป และรุมทำร้ายจนบาดเจ็บ ดวงตามีเลือดคั่ง และจมูกหัก หลังเกิดเหตุได้ 3 วัน นายบีม เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนกับเพื่อนอีก 2 คนไปนั่งที่ศาลาริมพรุโต๊ะเด็ม จู่ๆ กลุ่มผู้ก่อเหตุเห็นตนนั่งอยู่ จึงไปตามพวกมานับ 10 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเดิมกับที่ก่อเหตุทำร้ายนายกาย กรูกันเข้ามาทำร้ายตน ส่วนเพื่อนอีก 2 คน วิ่งหนีไม่กล้าช่วย เพราะฝ่ายตรงข้ามมีเยอะกว่า ซึ่งทางแม่ของนายบีม จึงพามาแจ้งความกับตำรวจ สภ.กงหรา เพื่อเอาผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้วเช่นกัน
ขณะที่พลทหารรพีภัทร และพลทหารอาศิษ ยังไม่มีทีท่าสลด ยังโพสต์ภาพตนเองทั้งคู่ในขณะถูกคุมขังลงในอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมข้อความ “แท้ไม่แท้แลกันตอนจบ” ซึ่งสร้างความไม่สบายใจกับทุกฝ่าย ประเด็นนี้ พันเอก วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองทัพภาคที่ 4 เผยว่า พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ทราบเรื่องแล้ว และมอบหมายให้พลตรี อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4 สั่งสอบสวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่ปล่อยปละ ละเลย จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ทั้งนี้ พื้นที่กองรักษาการณ์ดังกล่าว เป็นพื้นที่ควบคุมตัวสำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาโทษตามวินัยทหาร เพื่อส่งเข้าเรือนจำประจำมณฑลทหารบกในพื้นที่นั้นๆ จึงขอชี้แจงทำความเข้าใจกับครอบครัวผู้เสียหายเพื่อให้เกิดความสบายใจ ส่วนคดีความให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งกองทัพภาคที่ 4 พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย