5 พ.ค. – บึงกาฬโดนพายุฤดูร้อนถล่มรอบที่ 5 เสียหายหนักครอบคลุม 5 อำเภอ ส่วนบุรีรัมย์ พายุฤดูร้อนกระหน่ำซัดบ้าน-วัด ไฟดับนานกว่า 8 ชม.
ที่จังหวัดบึงกาฬ หลังเกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำ เมื่อคืนวันที่ 3 พ.ค. ทำให้มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง รวมถึงทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 ราย ต.โนนสมบูรณ์ ได้แก่ ม.6 และ 10 จำนวน 8 ครัวเรือน ต.บึงกาฬ ได้แก่ ม.1,3,4,5,6,8,9 และ 10 จำนวน 31 ครัวเรือน ต.วิศิษฐ์ ได้แก่ ม.2,4,10 และ 13 จำนวน 30 ครัวเรือน ต.ไคสี ทุกหมู่บ้าน จำนวนประมาณ 40 ครัวเรือน สถานที่สำคัญที่ได้รับความเสียหาย คือ ที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ และอาคารเรียนในโรงเรียนอนุบาลบึงกาฬวิศิษฐ์อำนวยศิลป์ จำนวน 2 หลัง โดยเฉพาะในตำบลวิศิษฐ์ มีบ้านเรือนเสียหายอย่างหนักจำนวน 5 หลังคา สภาพแต่ละหลังถูกแรงลมพัดสังกะสี อลูซิงค์ และไปถึงโครงหลังคาปลิวหายไปเกือบทั้งหลัง ซึ่งส่วนมากโครงหลังคาจะเป็นไม้เก่าและสังกะสีเก่า จึงทำให้เกิดความเสียหายมาก
นายราชันย์ วะนาพรม นายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ สั่งการให้ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองบึงกาฬ ตั้งกองอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากวาตภัย ที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองบึงกาฬ พร้อมรับข้อมูลและลงทะเบียนเบื้องต้นในเขตเทศบาลเมืองบึงกาฬ โดย การให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพื้นที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มูลนิธิ จิตอาสา อปพร. อาสาสมัคร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือ
ส่วนที่จังหวัดบุรีรัมย์ พายุฤดูร้อนพัดถล่มพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ พัดบ้านเรือนประชาชน ร้านค้า วัด ได้รับความเสียหายหลายหลัง โดยบ้านเรือนประชาชน ร้านขายของชำในหมู่บ้าน ยุ้งข้าว และวัด ในหมู่บ้าน ตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ถูกพายุฤดูร้อนพัดเสียหายหลายหลัง บางหลังถูกลมพายุพัดได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง นอกจากนี้พายุยังได้พัดเสาไฟฟ้าในหมู่บ้านโค่นล้มหลายต้น ส่งผลให้ไฟฟ้าดับนานกว่า 8 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00 น.-05.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเจริญสุข อยู่ระหว่างลงพื้นที่สำรวจความเสียหายทั้งบ้านเรือน ยุ้งฉาง ร้านค้า และวัดที่ถูกพายุดพัดพังเสียหายเมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อรายงานสรุปเสนออำเภอ เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการอย่างเร่งด่วนต่อไป.-สำนักข่าวไทย