อุดรธานี 29 เม.ย.- ชายวัย 50 ปี ถูกล้วงกระเป๋า ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว เดินเท้าเปล่ากลับบ้านที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เจอรปภ.ที่สระบุรีใจดีให้จักรยานฟรี ทั้งเดินทั้งปั่นกลับบ้าน ระยะทางเกือบ 700 กม. เจ้าตัวเปิดใจทั้งน้ำตา นึกว่าตายแล้วเกิดใหม่ ไม่คิดว่าจะถึงบ้าน
พลเมืองดีพบชายคนหนึ่งเดินจูงจักรยานข้างถนนสาย อ.หนองหาน-กุมภวาปี บริเวณบ้านหนองบัวแดง ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี จึงเข้าไปสอบถามทราบว่า ชื่อนายเดชหรืออุ๊ด อายุ 50 ปี ชาวบ้านเมืองนาซำ ต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เจ้าตัวบอกเดินเท้าเปล่าจากสถานีรถไฟที่กรุงเทพฯ หลังถูกโจรล้วงกระเป๋าไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียวและตั๋วรถไฟก็ขโมยไปด้วย จึงเดินเท้าเปล่าเพื่อจะกลับบ้าน พอมาถึงสระบุรีมี รปภ.ใจดีมอบจักรยานให้ปั่นมาบ้านด้วย ก็เดินทางมาเรื่อยๆ ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.67 จนมีพลเมืองดีมาพบ ต่อมานายวีระพล แอดมินบ้านดุงอัปเดตได้นำรถตู้มารับไปส่งถึงบ้านที่บ้านเมืองนาซำ ต.นาไหม ท่ามกลางความดีใจของญาติๆ แต่ญาติบางคนถึงกับช็อกที่ได้เจอนายเดชหรืออุ๊ด หลังจากติดต่อไม่ได้กว่า 20 วัน นึกว่าตายไปแล้ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ บ้านเมืองนาซำ ต.นาไหม ซึ่งเป็นบ้านของพี่สาว พบกับนายอุ๊ดพร้อมภรรยา มีญาติๆ และเพื่อนบ้านเดินทางมาเยี่ยมถามข่าวคราว เจ้าตัวมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เล่าว่าถูกล้วงกระเป๋าไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว จึงตัดสินใจเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน หลังจากกลับมาถึงบ้านก็ดีใจนึกว่าตายแล้วเกิดใหม่ บอกว่า ไปทำงานรับจ้างก่อสร้าง จ.เพชรบุรี อยากกลับบ้านเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทยมาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง ภรรยาให้เงินติดตัวมา 1,100 บาทนั่งรถโดยสารจากเพชรบุรี มาถึงสถานีรถไฟ จำไม่ได้ว่าบางเขนหรือบางซื่อ ช่วงเย็นวันที่ 9 เม.ย.67 ซื้อตั๋วรถไฟน่าจะออกประมาณสามทุ่มครึ่ง ก็ไปนอนรอแถวสถานีฯ ก่อนนอนกินข้าวเหนียวส้มตำเกิดง่วงเลยนอนเล่น ตื่นขึ้นมาปรากฎว่ากระเป๋าสตางค์ถูกฉีกทิ้ง ทั้งเงินบัตรประชาชน รวมทั้งตั๋วรถไฟหายไปหมด ตกใจมาก ก่อนตัดสินใจเดินกลับบ้านแล้วกัน ก็เดินมาเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก พอมาถึงสระบุรี ก็เดินไปขอน้ำกินกับ รปภ.คนหนึ่งน่าจะเป็นโรงงานไก่ รปภ.ก็ถามว่าจะไปไหนอย่างไร ก็เล่าให้เขาฟัง เขาสงสารก็เลยยกจักรยานให้เลยบอกว่าปั่นกลับบ้านพร้อมให้เงินมาจำนวนหนึ่ง ก็ปั่นมาเรื่อยๆ จักรยานเกิดยางรั่ว เงินก็ไม่มี ก็ได้จากพระที่ออกบิณฑบาต และชาวบ้านที่สงสารให้ ทีละ 10, 20, 100 บาท เอาไว้ซื้อข้าวกินมาเรื่อยๆ ปกตินนอนตามศาลาริมทางกลางวัน กลางคืนค่อยเดินและปั่นจักรยานเพราะอากาศไม่ร้อน ส่วนที่ว่าทำไมไม่แวะตำรวจให้เขาช่วย เคยไปขอความช่วยเหลือที่สถานีรถไฟแล้วเห็นเขาบอกมีปัญญามา ก็มีปัญญากลับบ้าน เลยไม่กล้าไปขอความช่วยเหลืออีก
คิดในใจหิวต้องแวะวัด นอนข้างศาลา กินผักกระถิน กินน้ำที่เหลือตกอยู่ข้าง คิดเสมอว่า ยังไงต้องตายบ้านเกิด แม้ขาเดินไม่ไหว แต่ใจต้องสู้ ต้องมาหาพี่สาวและญาติๆ ให้ได้ ดีใจที่ได้กลับมาถึงบ้านแล้ว เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ
ขณะที่นางพัชรี ภรรยาลุงอุ๊ด บอกว่า สามีไม่มีโทรศัพท์ติดตัว โทรหาพี่สาวสามีก็บอกว่ายังไม่ถึงบ้าน ก็ตกใจขึ้นรถโดยสารมาที่อุดรธานี ทันที ไม่รู้ข่าวคราวเลย ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ทั้งไปแจ้งความคนหายและก็ไปดูหมอดูให้ช่วย ท่านบอกว่า สามียังไม่ตาย เหมือนหลงทางอยู่ ใจเราก็เฝ้ารอ เมื่อวานเห็นหน้าสามีดีใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะรอดมาได้ จากนี้ไปคงให้สามีไปบวชสักระยะที่วัด .-สำนักข่าวไทย