เพชรบูรณ์ 22 เม.ย. – ผอ.โรงเรียน ยืนยันช่วยครอบครัว “น้องดิฟ” นักเรียน ม.3 ที่ไปทัศนศึกษานอกสถานที่ และประสบอุบัติเหตุคอหักเสียชีวิต เต็มที่แล้ว หลังแม่ร้องลูกชายเสียชีวิตขณะร่วมกิจกรรมโรงเรียน ไร้คนเหลียวแล
จากกรณีบิดามารดานายรัชวัต อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ ร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด ว่าลูกชายไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ที่หาดนางรำ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ขณะเล่นฟุตบอลชายหาดกับเพื่อนๆ ถูกทำโทษ โดยให้กระโดดพุ่งหัวลงน้ำทะเล ซึ่งบริเวณดังกล่าวน้ำตื้น ทรายแน่น ด้วยความเร็วและแรงที่พุ่งลงไป ทำให้ศีรษะกระแทกพื้นทรายอย่างแรงจนคอหัก ร่างกายขยับไม่ได้ ปากเขียว และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในอีก 5 วันต่อมา
ขณะที่ทางโรงเรียนกลับให้เงินเยียวยาไม่เพียงพอและเหมาะสม ตอนแรกไม่ได้ติดใจการเสียชีวิต เพราะคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ ตามที่เพื่อนของลูกชายซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน แต่หลังจากลูกเสียชีวิต ต้องหาเงินมาจัดงานศพ แต่ครอบครัวไม่มีเงิน เพราะทำมาหากินรายวัน จึงไปสอบถามความช่วยเหลือจากทางโรงเรียน กลับได้รับการปฏิเสธ บอกว่าไม่มีงบประมาณส่วนนี้ จนต้องกู้เงินจากครูที่โรงเรียน 40,000 บาท บวกกับเงินกู้นอกระบบอีก รวมเป็น 60,000 บาท ขณะที่ทางโรงเรียนเรี่ยไรเงินช่วยเหลือมาให้ 10,000 บาท และบอกว่ามีการทำประกันชีวิตไว้ 100,000 บาท แต่ครอบครัวยังไม่ได้เงินส่วนนี้ ส่วนที่ไม่แจ้งความเอาผิดกับทางโรงเรียนและคณะครู เพราะผู้บริหารโรงเรียนบอกว่าหากผู้ปกครองดำเนินคดีกับโรงเรียนจะไม่ให้ความช่วยเหลือเรื่องเงิน แถมยังมีคนในโรงเรียนบอกว่าถ้าเป็นลูกเขาจะไม่เอาสักบาท
เพจสายไหมต้องรอดเตรียมพาครอบครัวผู้เสียชีวิตไปแจ้งความที่ สภ.สัตหีบ ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมประสานงานกับทางกระทรวงศึกษาธิการให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
โรงเรียนโต้กลับช่วยเหลือเต็มที่ทุกอย่าง
ฟังคำชี้แจงอีกด้าน ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวใน ต.บัววัฒนา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ออกมาเปิดเผยว่า โรงเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกสถานที่ โดยพานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ชลบุรี ไม่ใช่ปัจฉิมนิเทศตามที่เป็นข่าว รวมทั้งช่วยเหลือนักเรียนที่เสียชีวิตเต็มที่ ทั้งจัดงานศพให้อย่างสมเกียรติ ดูแลตลอดงาน เนื่องจากเด็กที่เสียชีวิตไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ แต่อาศัยอยู่กับตาและยาย ทั้งยังมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา โดยค่าใช้จ่ายโรงเรียนช่วย 10,000 บาท, กองทุนหมู่บ้านช่วย 10,000 บาท, เพื่อนๆ ของตนช่วย 10,000 บาท, เขตพื้นที่การศึกษาช่วย 5,000 บาท, ทหารเรือที่ชลบุรีช่วย 5,000 บาท, เงินจากผู้มาร่วมงาน 10,000 บาท รวมแล้ว 50,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ส่วนเงินประกันอุบัติเหตุ 100,000 บาท โรงเรียนกำลังเดินเรื่องให้ ซึ่งเงินจำนวนนี้ ตาและยายของเด็กผู้เสียชีวิตเป็นผู้รับเอง เพราะเป็นคนเลี้ยงดูและดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ยืนยันไม่เคยทอดทิ้ง ดูแลมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ กระทั่งเสร็จงานศพ พอมาเห็นข่าวรู้สึกเสียใจมาก สิ่งที่ตนทำไปเพราะความรักเด็ก ไม่ใช่เพราะความผิด
นางสายรุณ อายุ 53 ปี น้าของผู้เสียชีวิต ซึ่งไปทัศนศึกษากับโรงเรียน และเห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของหลานชายเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะขณะเกิดเหตุทั้งเด็กและครูลงเล่นน้ำกัน ครูดูแลใกล้ชิด ส่วนตนนั่งดูอยู่ด้านบนเห็นหลานกระโดดน้ำอย่างสนุก ขณะพุ่งตัวลงน้ำเป็นจังหวะที่คลื่นซัดน้ำลงทะเล ทำให้หัวไปกระแทกกับทรายจนคอหัก ได้ยินเด็กตะโกนหลานหัวแตกจึงวิ่งไปดู ถามหลานเป็นอย่างไรบ้าง หลานตอบว่าหายใจไม่ออก ก็มีคนมาช่วยทำพีซีอาร์ก่อนส่งโรงพยาบาล
ด้านนางทองม้วน อายุ 67 ปี ยายของผู้เสียชีวิต เล่าทั้งน้ำตาว่า เลี้ยงหลานมาตั้งแต่ตัวยังเล็ก เพราะพ่อแม่แยกทางกัน ต่างก็ไปมีครอบครัวใหม่ หลานเป็นเด็กดี เรียนเก่ง จบ ม.3 ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90 ฝันอยากเป็นข้าราชการ และเป็นคนเดียวที่คอยช่วยยาย เพราะตาต้องไปขายลอตเตอรี่หาเลี้ยงครอบครัว.-สำนักข่าวไทย