fbpx

พบศพหนุ่มใหญ่ถูกแทงตาย ข้างเพิงพัก

ตรัง 16 มี.ค. – หนุ่มใหญ่ถูกแทงร่างพรุน เสียชีวิตอยู่ข้างเพิงพัก ในพื้นที่จังหวัดตรัง ด้านแม่ผู้เสียชีวิตเศร้า ซื้อข้าวมาแขวนให้ลูกชายทุกวัน ไม่คิดว่าจะกลายเป็นศพ


ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง เจ้าหน้าที่แพทย์เวรโรงพยาบาลตรัง ร่วมตรวจสอบบริเวณเพิงพักไม่มีเลขที่ ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลนาตาล่วง อำเภอเมืองตรัง พบศพนายสมพงศ์ อายุประมาณ 40 ปี อยู่ในสภาพศพนอนหงาย ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงยีนขาสั้นสีฟ้า ตามลำตัวมีรอยสัก และมีร่องรอยถูกแทงด้วยอาวุธมีดหลายแห่ง ทั้งบริเวณหน้าอก ช่องท้องด้านหน้า และบริเวณแผ่นหลัง นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณด้านข้างเพิงพัก

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังพบร่องรอยการดื่มเหล้าขาวบนแคร่ หน้าเพิงพัก มีเหล้าขาวขวดเล็ก 1 ขวด ที่ดื่มไปจนหมด พร้อมแก้วเหล้า 1 ใบ โดยชาวบ้านเล่าว่าในช่วงค่ำวานนี้ (15 มี.ค.) มีกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิต แวะมานั่งดื่มเหล้ากันที่แคร่หน้าบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลติดตามตัวเพื่อนร่วมวงเหล้ามาสอบปากคำต่อไป ส่วนคนที่ลงมือก่อเหตุ อาจมีมากกว่า 1 คน เพราะผู้เสียชีวิต มีรูปร่างสูงใหญ่ จากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ส่งศพ ไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดที่ รพ.สงขลานครินทร์ เนื่องจากญาติยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต


ด้านแม่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ปกติลูกชายพักอาศัยอยู่เพิงพักดังกล่าวเพียงคนเดียว และอยู่ไม่ไกลจากบ้านตน ก่อนนี้ลูกชายเคยมีภรรยาและลูก แต่ได้เลิกรากันไปนานแล้ว โดยในช่วงเช้าวันนี้ ประมาณ 08.00 น. ตนได้ซื้อข้าวมาแขวนให้ที่ต้นไม้หน้าบ้านตามปกติทุกวัน โดยไม่ทันสังเกตว่าลูกชายนอนเสียชีวิตอยู่ข้างบ้านแล้ว กระทั่งมีเพื่อนลูกโทรมาบอกว่าลูกถูกแทงตาย ปกติลูกชายไม่ได้ทำงานประจำ จะทำงานตามที่มีคนมาจ้าง แม้ลูกชายจะเป็นคนมีอารมณ์ฉุนเฉียว ชอบเอะอะโวยวายด่าทอ แต่ก็ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

ทหารอเมริกันยกพลเที่ยวเมืองพัทยาเงินสะพัด

พัทยาช่วงนี้คึกคัก เพราะทหารอเมริกันยกพลขึ้นบก บุกพัทยากว่า 6,000 คน ผู้ประกอบการยิ้มรับ คาดเงินสะพัดจำนวนมาก

จนท.นำหุ่นยนต์ 4 ขา ช่วยตรวจจับความร้อน

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย จ.ระยอง ก่อนที่ นายกฯ จะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บ่ายวันนี้ เจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนยังคงระดมกำลังหล่อเย็นพื้นที่โรงงาน ด้านตำรวจพิสูจน์หลักฐาน นำหุ่นยนต์โรบอท 4 ขา ช่วยตรวจจับสัญญาณความร้อน

“เศรษฐา” ลงพื้นที่สวนทุเรียน สั่งกรมชลแก้ปัญหาน้ำขาดแคลน

“เศรษฐา”ลงพื้นที่ สวนทุเรียน สั่งกรมชลประทานแก้ปัญหาน้ำขาดแคลน – หาพื้นที่เก็บตู้คอนเทนเนอร์ให้เพียงพอ – ทำ One Stop Service ก่อนชิมทุเรียนหลากหลายพันธุ์

โผ ครม. “เศรษฐา 2” ลงตัว ก.คลัง จัด รมช. 3 เก้าอี้

โผ ครม. เศรษฐา 2 ลงตัว ก.คลัง จัด รมช. 3 เก้าอี้ เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่ พปชร. ยึด ก.เกษตรฯ ด้าน “สุชาติ” นั่ง รมช.พาณิชย์ พร้อมทาบ “พวงเพ็ชร” ที่ปรึกษานายกฯ โค้งสุดท้ายสลับ “สุดาวรรณ” นั่ง ก.วัฒนธรรม “เสริมศักดิ์” ไป ก.ท่องเที่ยวฯ