วิสามัญ 2 คนร้ายป่วนช่วงเดือนรอมฎอน

ปัตตานี 14 มี.ค. – เจ้าหน้าปิดล้อมบ้านเช่าหลังหนึ่งใน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นานหลายชั่วโมง หลังสายข่าวรายงานว่ามีคนร้ายตามหมายจับคดีความมั่นคงหลบซ่อนอยู่ จึงเข้าเจรจาขอให้มอบตัว แต่ไม่เป็นผล เกิดการปะทะเดือด คนร้ายถูกวิสามัญ 2 ศพ


กำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 50 นาย ปิดล้อมตรวจค้นบ้านเช่าหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาส ในพื้นที่ ม.1 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด เนื่องจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีบุคคลตามหมายจับคดีความมั่นคง เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน เบื้องต้นน่าจะเป็นกลุ่มนายอับดุลเลาะ และนายหมัดไซฟูดดีน ผู้ต้องหาตามหมายจับหลายหมาย

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงได้ปิดถนนสายดังกล่าวทันที เกรงจะเกิดเหตุปะทะกัน และชาวบ้านอาจโดนลูกหลง สำหรับบ้านเช่าหลังดังกล่าว เป็นบ้านเช่าชั้นเดียวติดกัน 8 ห้อง บ้านต้องสงสัยเป็นห้องแรก เจ้าหน้าที่ปิดล้อมและเรียกบุคคลในบ้านออกมา กระทั่งมีคนตะโกนออกมาจากบ้านก่อนจะเดินออกมา เจ้าหน้าที่สอบถามทราบว่ามีอีก 2 คน ซ่อนตัวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเชิญผู้นำท้องที่มาเจรจาให้แสดงตัว แต่ไม่มีเสียงตอบรับ


กระทั่ง 07.00 น. ผู้นำท้องที่และผู้นำศาสนายังสลับกันเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังให้ผู้ต้องสงสัยมอบตัว แต่ไม่เป็นผล คนร้ายซ่อนตัวในบ้าน ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ที่พยายามปิดล้อมหน้าบ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหาจุดป้องกันเพื่อตั้งหลัก และเพิ่มความระมัดระวังกันพื้นที่ให้ปลอดภัย แต่ยังคงเจรจาอย่างต่อเนื่อง แต่คนร้ายกลับเปิดฉากโจมตี จนเกิดการต่อสู้กัน เจ้าหน้าที่ต้องยิงแก๊สน้ำตา 2 ลูก ก่อนบุกเข้าไปในบ้าน แต่ไม่พบตัวคนร้าย เชื่อว่าคนร้ายน่าจะขึ้นไปหลบซ่อนตัวบนฝ้าใต้หลังคา เจ้าหน้าที่จึงใช้เหล็กยาวกระทุ้งฝ้าหลังคา คนร้ายจึงยิงสวน จนเกิดการยิงปะทะกันเป็นระยะๆ กระทั่งคนร้ายถูกยิงตกลงมาที่พื้นเสียชีวิต 1 คน ข้างศพพบปืน ขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก ส่วนคนร้ายที่เหลือยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ เจ้าหน้าที่อีกชุดที่อยู่นอกบ้าน ยังคงเจรจาให้คนร้ายที่เหลือมอบตัว แต่คนร้ายยิงต่อสู้ทำให้ฝ้าเพดานเปิดกว้าง และยิงสวนตลอด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องถอยร่นออกมาและเปลี่ยนแผน

เจ้าหน้าที่ใช้โดรนบินเข้าไปในบ้าน ดูความเคลื่อนไหวของคนร้าย ก่อนจะเห็นตัวคนร้ายที่พยายามหนีไปบ้านอีกหลัง โดยใช้คานปูนบังตัว เจ้าหน้าที่จึงบุกเข้าไปอีกครั้ง จนยิงปะทะกันอีกระลอกเกือบ 3 นาที สิ้นเสียงปืน คนร้ายถูกยิงเสียชีวิตเป็นศพที่ 2 จากการตรวจสอบคนร้ายที่เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ทราบชื่อคือ นายฮัมดี และนายราชิตร ผู้ต้องหาตามหมายจับ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เป็นคนเดียวกับผู้ต้องหาตามหมายจับหรือไม่

สอบถามบุคคลที่เช่าบ้านให้การว่า ไม่รู้จักคนร้ายที่ถูกยิงเสียชีวิตทั้ง 2 ราย แต่ทราบว่ามาขอเช่าบ้านอีกหลัง อย่างไรก็ตามจากรายงานข่าวเชื่อว่า คนร้ายที่เสียชีวิตพยายามเคลื่อนไหวในพื้นที่ช่วงเดือนรอมฎอน คาดว่า จะมีการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ แต่โชคดีที่ชาวบ้านแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง