อุดรธานี 10 มี.ค.-หนุ่มใหญ่คลั่ง อาละวาดถือมีดไล่ฟันชาวบ้านใน บขส.อุดรธานี ก่อนถูกวินและชาวบ้านล้อมเอาไว้ และรุมกระทืบบาดเจ็บ
ชายคลั่งถือมีดทำครัวยาวประมาณ 1 ฟุต ไล่ฟันชาวบ้านใน บขส.อุดรธานี แห่งที่ 1 ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี แต่ภายหลังกลุ่มวิน จยย. สามล้อรับจ้าง และผู้ดูแล บขส. ปิดล้อมพร้อมถือไม้ และเก้าอี้พลาสติกข่มขู่เพื่อให้วางมีด ซึ่งชายคลั่งพยายามวิ่งฝ่าวงล้อม แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะถูกต้อนและปาข้าวของใส่ทั้งเก้าอี้พลาสติก ไม้ รวมถึงจักรยานเด็ก ซึ่งชายคลั่งพยายามสู้ แต่สุดท้ายก็มีชายเสื้อกั๊กเขียว กระโดดถีบจนชายคลั่งล้มกองกับพื้น และถูกรุมกระทืบ
จากนั้นทั้งหมดก็ได้ช่วยกันควบคุมตัวชายคลั่ง ทราบชื่อคือ นายศิริวัฒน์ อายุ 47 ปี ชาว ต.หนองหลวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร พร้อมอาวุธมีดทำครัวปลายแหลม ยาวประมาณ 1 ฟุต ที่ใช้ก่อเหตุ ส่งมอบให้ตำรวจดำเนินคดี จากการตรวจสอบพบว่านายศิริวัฒน์ ผู้ก่อเหตุบาดเจ็บหัวแตก ตำรวจจึงควบคุมตัวพร้อมมีดของกลางที่ใช้ก่อเหตุ ไปโรงพักทำการสอบสวน
นายศิริวัฒน์ รับสารภาพว่า เป็นชาว อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ทำงานเป็นช่างเชื่อมเหล็กที่ จ.ลพบุรี เสร็จแล้วนั่งรถทัวร์โดยสารที่ จ.สระบุรี เพื่อกลับบ้าน เมื่อมาถึง บขส.อุดรธานี ได้เสพยาบ้า 1 เม็ด และเสพกัญชา พร้อมกับดื่มเบียร์ไป 4 กระป๋อง ก่อนเกิดเหตุได้เดินเข้าไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใน บขส. และได้ดื่มเบียร์อีก 1 กระป๋อง สาเหตุที่ต้องพกมีดมาด้วย เพราะจะมีคนมาฆ่าตนเอง จึงพกไว้เพื่อป้องกันตัว
นายนิรัญ อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่ดูแลใน บขส.และผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน สภ.เมืองอุดรธานี เล่าว่า กลุ่มสารถีสามล้อเครื่อง และวินรถจักรยานยนต์ เห็นนายศิริวัฒน์ เดินผ่านไปผ่านมาใน บขส. ด้วยท่าทางไม่ปกติ ไม่เหมือนคนทั่วไป จึงสอบถามว่าทำไมเดินผ่านไปมาบ่อยจัง ทำให้นายศิริวัฒน์ ไม่พอใจ ก่อนควักมีดทำครัวปลายแหลมออกจากกระเป๋าสะพาย มาข่มขู่สามล้อ และวินจักรยานยนต์ สามล้อจึงบอกให้นายศิริวัฒน์ ออกไปจากบริเวณ บขส. แต่นายศิริวัฒน์ กลับเอามีดไล่ฟัน ทุกคนจึงพากันวิ่งไปคว้าเอาอาวุธ มีทั้งเก้าอี้พลาสติก และท่อนไม้ เพื่อมาป้องกันตัว ละต่อสู้กับนายศิริวัฒน์ จนสามารถควบคุมตัวไว้ได้ และก็ถูกรุมกระทืบได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนโทรแจ้งตำรวจมารับตัวไปดำเนินคดี
ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่า “พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และประพฤติตนวุ่นวาย” ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย