ประจวบคีรีขันธ์ 8 มี.ค. – วัยรุ่นหัวหิน ทะเลาะกันในแชทเฟซบุ๊ก ถึงขั้นขี่ จยย. ไล่ยิงกลางเมืองหัวหิน เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย เจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว หลังพบ จยย. ที่ใช้ก่อเหตุจอดทิ้งไว้ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 200 เมตร
เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.หัวหิน พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน ลงพื้นที่บริเวณถนนนเรศดำริห์ เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งเหตุวัยรุ่นถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต โดยในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นวัยรุ่นชาย 1 ราย นอนอยู่กลางถนน มีร่องรอยการถูกยิงที่บริเวณหลัง และมีผู้ได้รับบาเจ็บเป็นวัยรุ่นชาย 1 ราย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหน้าอกถูก เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลหัวหิน ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. ตกอยู่ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ใกล้กันพบจักรยานยนต์สีดำ 1 คัน ของกลุ่มผู้ตายล้มคว่ำอยู่
จากการสอบสวนของตำรวจ ทราบว่ากลุ่มของผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมารวม 3 คน โดยมีผู้เสียชีวิตคือ นายดิน (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เป็นคนขับ ส่วนผู้บาดเจ็บที่นำตัวส่งโรงพยาบาล คือนายเอส (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นั่งตรงกลาง และมีนายเคน (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นั่งซ้อนท้ายมาท้ายมาด้วยแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ โดยนายเคน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ กลุ่มคนร้าย 3 คนที่ซ้อนท้ายจักรยานยนต์มาด้วยกัน เป็นกลุ่มที่เคยมีเรื่องทะเลาะกันในแซททางเฟซบุ๊กเมื่อหลายวันก่อน โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักยานยนต์มาหาเรื่องพวกตน กลุ่มของพวกตนต้องการเคลียร์ปัญหาสอบถามให้รู้เรื่อง แต่กลุ่มคู่อริกลับขี่จักรยานยนต์ไล่ยิงใส่ตั้งแต่ชุมชนบ่อนไก่ กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ กลุ่มคู่อริได้ขับแซงขึ้นไป จากนั้นชายคนที่ซ้อนท้ายสุดได้ชักอาวุธปืนหันมายิงใส่พวกตน กระสุนทะลุเข้าร่างของนายดินที่นั่งหน้าสุดเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ และกระสุนได้ทะลุเข้าไปที่นายเอสที่เป็นคนขี่จักรยายนต์และนั่งตรงกลางได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่ล่าสุด พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด และติดตามรถของกลุ่มคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุได้แล้ว ถูกนำไปจอดทิ้งไว้บริเวณสะพานปลาหัวหิน ห่างจุดเกิดเหตุเพียง 200 เมตร ซึ่งจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่รู้ตัวคนร้ายแล้ว และเตรียมรวบรวมหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดหัวหิน ออกหมายจับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนต่อไป .-สำนักข่าวไทย