ชาวบ้านขี่ จยย.เข้าป่าเหยียบระเบิด 2 ลูก เจ็บสาหัส

แพร่ 26 ก.พ.- ชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์เข้าป่าในชุมชนบ้านห้วยกูด จ.แพร่ เหยียบระเบิดลูกแรกโดนยางรถแตก จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โชคร้ายเหยียบระเบิดอีกลูก ได้รับบาดเจ็บสาหัส


ตำรวจ สภ.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.แม่พวก อ.เด่นชัย จ.แพร่ ว่า เกิดเหตุชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในป่าชุมชนบ้านห้วยกูด ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่ แล้วเกิดเหยียบระเบิด จนรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย ยางหลังแตก จึงประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.ห้วยไร่ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ 

ขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปยังที่เกิดเหตุ นายอุดร ซึ่งเป็นคนนำเจ้าหน้าที่ ได้ลงจากรถแล้วเดินเท้าเข้าไป แต่เหยียบระเบิดลูกที่ 2 ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าขวา เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำตัวนายอุดร ออกจากจุดเกิดเหตุ และประสานเจ้าหน้าที่จากสมาคมกู้ภัยเด่นชัยร่วมบุญ เข้าช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเด่นชัย แต่เนื่องจากบาดแผลสาหัส เจ้าหน้าที่จึงส่งนายอุดร รักษาต่อที่โรงพยาบาลแพร่  


ตำรวจภูธร สภ.เด่นชัย จะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากเป็นเวลาใกล้ค่ำ เกรงจะเกิดเหตุซ้ำซ้อน หรือมีระเบิดในพื้นที่อีก จึงได้เลื่อนการเข้าดูที่เกิดเหตุเป็นวันนี้ช่วงเช้า โดยประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานแพร่ เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารม้าที่ 12 ค่ายพระยาไชยบูรณ์ อ.เด่นชัย จ.แพร่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง

นายบำรุง ชาวบ้านที่ขึ้นเขาไปด้วยกัน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและนายอุดร ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในป่าด้วยกัน 2 คน โดยใช้เส้นทางเดิมที่เคยใช้ เพื่อตัดไม้ซาง เป็นเส้นทางที่ใช้ตลอด ช่วงกลางวันก็พักกินข้าว และเดินทางกลับ โดยตนขี่รถนำหน้า นายอุดรขี่ตามหลังมา เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิด จึงจอดรถ และเห็นว่านายอุดร รถยางแตกเพราะเหยียบระเบิด ทีแรกคนไม่เป็นอะไร รีบแจ้งเจ้าหน้าที่และพาเจ้าหน้าที่เข้าไปดูที่เกิดเหตุ พอถึงจุดเกิดเหตุ นายอุดร เดินนำเจ้าหน้าที่ไปดู ส่วนตนไม่ได้ลงจากรถ นั่งอยู่บนรถ จนเห็นนายอุดรเหยียบระเบิดอีกลูก 

ด้านนายเสถียร อิสระเศรษฐพงศ์ ปลัดอำเภอเด่นชัย กล่าวว่า เบื้องต้นทางอำเภอได้สั่งการให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสายให้งดเข้าป่าทุกคน ป่าที่เกิดเหตุเป็นป่าชุมชนบ้านห้วยกูด หมู่ที่ 5 ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย โดยวันนี้ได้นัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุว่าอยู่ในป่าชุมชนจริงหรือไม่ 


พนักงานสอบสวน สภ.เด่นชัย ร่วมกับหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารม้าที่ 12 ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นพบระเบิดทั้ง 2 ลูก อยู่ห่างกันเพียง 3 เมตรเท่านั้น วางอยู่ในแนวเดียวกัน ลักษณะวางไว้ตรงกับจุดที่รถสัญจรไปมาในป่าตามแนวถนน เหมือนเจตนานำมาวางไว้ จากการตรวจสอบแรงระเบิดและความเสียหายจากวัตถุระเบิด พบเป็นระเบิดแรงสูง แต่ยังไม่สามารถระบุชนิดของระเบิดได้ ต้องนำชิ้นส่วนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุบางส่วนไปตรวจสอบ จึงจะสามารถระบุชนิดของระเบิด รวมถึงสืบหาต้นตอของระเบิด เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.–สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ล่าหนุ่มโมร็อกโก ฆ่าโหดหมอแซมมี่ เผ่นหนีฮ่องกง

ตำรวจประสานตำรวจสากล เร่งล่าตัวแฟนหนุ่มชาวโมร็อกโก ผู้ต้องสงสัยฆ่าโหดหมอแซมมี่ แพทย์ความงามสาวสอง เจ้าของคลินิกเวชกรรมชื่อดังเชียงใหม่ พบเผ่นหนีไปฮ่องกงแล้ว

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชวนลงทุนซิม-ตู้เติมเงิน

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชักชวนลงทุนซิมและตู้เติมเงิน อ้างสิทธิ กสทช. พบมีผู้เสียหาย 5,000 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท

รถตู้กลับจากแข่งเรือเสียหลักชนต้นไม้ ดับ 4 เจ็บ 9

สลด! รถตู้กลับจากแข่งเรือยาวที่ จ.ปทุมธานี เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ บนถนนสายลำปาง-งาว จ.ลำปาง เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สถาบันประสาทฯ ชี้นวดต้นคอเสี่ยงอันตราย เหตุเป็นศูนย์รวมอวัยวะสำคัญ

สถาบันประสาทวิทยา ชี้นวดต้นคอเสี่ยงอันตราย เพราะเป็นศูนย์รวมอวัยวะสำคัญ มีทั้งหลอดเลือด และกระดูก ไม่ได้มีแต่กล้ามเนื้อ นวดผิดชีวิตเปลี่ยน ตั้งแต่อัมพฤกษ์ อัมพาต จนเสียชีวิต

“แม่น้องผิง” ติดใจการตายของลูกสาว วอนร้านนวดรับผิดชอบ

แม่นักร้องสาว “ผิง ชญาดา” ติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว อยากให้เจ้าของร้านนวดแสดงความรับผิดชอบ เผยมีลูกสาวคนเดียว เป็นเสาหลักของครอบครัว ด้านเพจ “หมอไทยสตอรี่” เตือนนวดบริเวณคอผิดวิธี เสี่ยงเส้นเลือดเสียหาย-กระดูกสันหลังเคลื่อน-เส้นประสาทถูกทำลาย แนะหากมี 4 อาการหลังนวด ควรพบแพทย์ด่วน

ตร.ทองหล่อ บุกทลายปาร์ตี้ไฮโซกลุ่มลับ พบยาเสพติด

ตำรวจทองหล่อบุกทลายปาร์ตี้ไฮโซกลุ่มลับในโรงแรมย่านคลองเตยเหนือ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ตรวจค้นพบยาเค ยาอีจำนวนหนึ่ง จึงคุมตัวนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปตรวจหาสารเสพติด

อุทาหรณ์นวดบิดคอ! นักร้องสาวเสียชีวิตแล้ว

อุทาหรณ์นวดบิดคอ! นักร้องสาวเข้าร้านนวดแบบบิดคอ ก่อนมีอาการตัวชา-ร่างกายอ่อนแรง กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว