นครศรีธรรมราช 26 ก.พ.- มอบตัวแล้ว 3 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ กรณีร่วมกันยิงกลางเมืองนครศรีฯ บาดเจ็บ 7 ราย เข้ามอบตัวสู้คดี เผยปมศักดิ์ศรีนัดตบเคลียร์ค่าแชร์ก่อนบานปลาย
ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เข้าติดตามคดีใช้อาวุธปืนก่อเหตุพยายามฆ่า มีผู้บาดเจ็บ 7 ราย เหตุเกิดในซอยมะลิ ข้างโรงเรียนเทศบาลวัดท่าโพธิ์ ชุมชนท่าโพธิ์ เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช โดยศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ตามพยานหลักฐาน และภาพจากกล้องวงจรปิดหลายมุมที่ปรากฏในที่เกิดเหตุ ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ 3 ราย คือ นายวสันต์ นายภาณุวัฒน์ และ น.ส.วัชรี
ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมทนายความ ได้มาแสดงตัวกับพนักงานสอบสวน ขอมอบตัวสู้คดี โดยทั้ง 3 คน ถูกนำตัวเข้าพูดคุยสอบข้อมูลในห้องรองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อสอบถามรายละเอียด และติดตามอาวุธปืน 2 กระบอก เป็นอาวุธปืนลูกโม่ 1 กระบอก ขนาด .357 และ 9 มม. ออโตเมติก 1 กระบอก รวมทั้งรถยนต์ที่ใช้เดินทางเข้ามาในที่เกิดเหตุและใช้หลบหนี เบื้องต้นทั้ง 3 ราย ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า คดีนี้มีประจักษ์พยาน มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด พฤติการณ์ทุกอย่างขณะเกิดเหตุ ดังนั้น ไม่มีปัญหาใดๆ มีการดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานที่มีความสมบูรณ์ ขณะที่เพื่อนของผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่า มูลเหตุมาจากเรื่องค่าแชร์ที่มีการติดตามทวงถามกัน ทราบว่ามีวงเงินพอสมควร ทั้งสองฝ่ายคือ น.ส.วัชรี ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในกล้องวงจรปิด และ น.ส.ปิยมาศ คู่กรณี ได้วิวาทะผ่านทางโซเชียลมีเดีย หลังจากนั้นได้นัดตบกันเพื่อเคลียร์ปัญหา ด้วยความที่มีศักดิ์ศรีทั้งคู่ น.ส.วัชรี พร้อมผู้ต้องหาที่เหลือที่เข้าไปในจุดเกิดเหตุ ก่อนเปิดฉากตบตีกัน จากนั้นลุกลามบานปลายตามภาพวงจรปิด โชคดีที่คู่กรณีไม่มีใครเสียชีวิต ไม่เช่นนั้นอาจบานปลายมากกว่านี้ ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มีเจตนามามอบตัว และเตรียมเงินสดมาพร้อมขอยื่นประกันตัว
ล่าสุดหลังจากผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้ปากคำกับตำรวจ น.ส.วัชรี หนึ่งใน 3 ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเท้าแชร์ ระบุว่า ตนเองกับ น.ส.ปิยมาศ ลูกแชร์ มีปากเสียงกันในที่เกิดเหตุ หลังนัดกันมาเคลียร์ปัญหาก่อนนั้น แต่ไม่มาตามนัด ตนจึงคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว พอนัดใหม่ให้ไปที่เกิดเหตุ ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะไปทะเลาะ แต่พอเจอกันมีปากเสียงถึงขั้นตนกับคู่กรณีลงไม้ลงมือตบตีกัน กระทั่งมีเสียงปืนดังขึ้น ตนคิดว่าฝ่ายตนถูกยิง จึงบอกให้คู่กรณีไปห้ามฝ่ายของเขา โดยไม่รู้ว่าเสียงปืนนั้นดังมาจากฝ่ายตน ที่ฝ่ายเขามาบอกว่าตนเป็นคนสั่งให้ยิงนั้น ไม่เป็นความจริง และขอยืนยันเต็มปากว่า ตนไม่ได้เป็นคนสั่งให้ยิง จริงๆ แล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงขนาดนี้ ต้องขอโทษทุกฝ่ายด้วย
ด้าน พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แถลงข่าวหลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 รายแล้ว โดยระบุว่า กรณีนี้ตำรวจได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย กระทั่งทั้งสามเข้ามอบตัวและให้การรับสารภาพตามที่ปรากฏในคลิปวงจรปิด ซึ่งพบว่าผู้ต้องหาเป็นเท้าแชร์ ส่วนผู้เสียหายเป็นลูกแชร์ ได้แชททะเลาะกันในโซเชียล
“มีการท้ากันไปท้ากันมา กระทั่งมีการนัดตบกัน พอมาถึงจุดนัดหมายก็มีการตบตีกันจริง ก่อนจะบานปลายยิงกัน ส่วนอาวุธปืนนั้น ผู้ต้องหาได้เอาไปโยนทิ้งคลอง ซึ่งกำลังค้นหาอยู่ และอาวุธทางผู้เสียหายไม่มีแต่อย่างใด ส่วนต้นเหตุมาจากผู้เสียหายค้างค่าแชร์ผู้ต้องหา 2 หมื่นบาท แต่พอเกิดเรื่องจึงยกเลิกกันไป” อย่างไรก็ตาม คดีนี้ พล.ต.ต.สมชาย กล่าวว่า ตำรวจสามารถคลี่คลายคดีได้อย่างรวดเร็ว.–สำนักข่าวไทย