คุมตัว “จ่าอาร์ม” ทำแผน คดีแทงหญิงสูงอายุ ญาติฮือล้อมรถ รุมสาปแช่ง

นครศรีธรรมราช 25 ก.พ. – คุมตัว “จ่าอาร์ม” ตำรวจนครศรีธรรมราช ทำแผนไล่แทงชาวบ้านดับ 1 ญาติรุมสาปแช่ง ติดใจตั้งข้อหาเบาหวิว หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ตั้งคำถามทำไมปล่อยให้คนคลุ้มคลั่งแบบนี้รับราชการ ด้าน ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ลั่นให้ความเป็นสองฝ่าย


กรณีตำรวจนายหนึ่งคลั่งไล่แทงชาวบ้านเสียชีวิตและบาดเจ็บ ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ เจ้าหน้าที่นำตัวตำรวจนายนี้ไปทำแผน แต่เกิดเหตุชุลมุน ชาวบ้านไปล้อมรถ เพราะไม่พอใจเรื่องคดีข้อกล่าวหา และขอให้ ผบ.ตร.เข้ามากวดขันตำรวจ ที่ปัจจุบันมีอาการวิกลจริต และเสพยา

กรณีตำรวจ สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ก่อเหตุใช้มีดแทงหญิงสูงอายุ 2 คน เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน เหตุเกิดในตัวอำเภอชะอวด เมื่อวานนี้ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม พบว่ามีอาการเครียดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวไปสงบสติอารมณ์


คดีนี้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิง ถูกแทงที่ท้ายทอย เป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนหญิงอีกคนบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ส่วนผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.อ.ชวนิล หรือ “จ่าอาร์ม” เป็น ผบ.หมู่ งาน ป.สภ.ชะอวด

“จ่าอาร์ม” เพิ่งย้ายมาจาก จ.ภูเก็ต มีอาการเครียด เนื่องจากผิดหวังจากแฟน จนเป็นโรคเครียด ญาติเคยส่งตัวไปรักษาอาการจนดีขึ้น กระทั่งย้ายมาประจำที่ สภ.ชะอวด ทราบว่าจะมีการส่งยามาให้ทางไปรษณีย์ พ.ต.อ.สมพร นิติภักดิ์ ผกก.สภ.ชะอวด เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ จ่าอาร์มขับรถยนต์ส่วนตัวไปประสบอุบัติเหตุตกหลุม จากนั้นได้เรียกรถยกให้มาช่วยยก และขณะรถยกกำลังดำเนินการ “จ่าอาร์ม” ก็ได้โทรศัพท์ไปหาแม่และมีปากเสียงกันทางโทรศัพท์

คนขับรถยกก็ปลอบใจว่าอย่าไปทะเลาะกับแม่เลย ปรากฏว่า “จ่าอาร์ม” ไม่พอใจ และจะใช้มีดแทงคนขับรถยก แต่คนขับรถยกวิ่งหนีทัน


หลังจากนั้นมีหญิงสูงวัยขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา “จ่าอาร์ม” จึงเข้าไปถีบ จยย.ล้ม ก่อนใช้มีดแทงทั้งสองคนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ตำรวจได้รับแจ้งเหตุและรีบไปให้การช่วยเหลือ เข้าควบคุมตัว “จ่าอาร์ม” ไว้ได้ และได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว

ชุลมุน ญาติฮือล้อมรถทำแผน หวั่นคดีไม่เป็นธรรม
ช่วงสายวันนี้ ตำรวจ สภ.ชะอวด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว “จ่าอาร์ม” จากห้องควบคุมในสภาพสวมกุญแจมือ สีหน้าไม่สะทกสะท้าน โดยมีกลุ่มญาติของผู้ตายและผู้บาดเจ็บมารอด้วยความโกรธแค้น ส่งเสียงสาปแช่งตลอดเวลา ตำรวจขอร้องญาติว่า อย่าสร้างความวุ่นวาย เนื่องจากจะทำให้ชื่อเสียงโรงพักชะอวดเสื่อมเสีย ยิ่งทำให้กลุ่มยาติด่าทอด้วยความโกรธแค้น

ญาติพยายามเข้าไปขัดขวางเพื่อจะดูหน้า “จ่าอาร์ม” จนเกิดชุลมุนไปชั่วขณะ และกลุ่มญาติได้แจ้งความประสงค์คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความ เป็นธรรม ไม่ไว้วางใจในคดี เนื่องจากเป็นตำรวจด้วยกัน ก่อนเจ้าหน้าที่จะรีบทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และนำตัวออกไปจากจุดทำแผนทันที

ญาติผู้ตาย ฝากถึง ผบ.ตร. ทำไมปล่อยให้คนคลุ้มคลั่งแบบนี้รับราชการ มาเป็นภัยต่อชาวบ้าน ตำรวจเป็นผู้ใช้กฎหมาย แต่เมื่อทำเช่นนี้เราจะเรียกร้องจากใคร

ครอบครัวของผู้เสียหายหลายคนตั้งข้อสังเกตในการก่อเหตุของ “จ่าอาร์ม” อาจไม่ใช่แค่ เมาสุราอย่างที่กล่าวอ้าง และแม้จะอ้างว่าวัดแอลกอฮอล์ในลมหายใจได้ 49 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ก็ตาม ทั้งยืนยันว่าตรวจไม่พบสารเสพติดในร่างกายหรือตรวจปัสสาวะแล้วไม่มีสีม่วง อาจไม่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนคนคลุ้มคลั่งจากยาเสพติดฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล

สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านญาติไม่พอใจหนัก คือเมื่อไปถามเจ้าหน้าที่บางคนบอกว่า “จ่าอาร์ม” ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตาย แต่เมื่อไปดูเอกสารข้อมูลกลับพบว่ามีการตั้งข้อหาที่เบามาก คือ “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และถึงแก่ความตาย” ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานฆ่าคนตายมาก ทั้งที่ “จ่าอาร์ม” เจตนาแทงซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง และถีบรถ จยย.ให้ล้ม ก่อนเข้าไปทำร้าย

พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ระบุจะไม่มีการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพราะผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บไม่ได้รู้จักกับ “จ่าอาร์ม” มาก่อน และต้องให้ความเป็นธรรมแน่นอน ตอนนี้ได้นำตัว “จ่าอาร์ม” ไปฝากขัง และให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึง ส.ค.นี้

ทำเนียบ 14 พ.ค.-รัฐบาลเชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมวัคซีนเพื่อป้องกันสายพันธุ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจัดเตรียมวัคซีนรองรับ 4,570,000 ล้านโดส กระจายหน่วยบริการให้บริการฉีดกลุ่มเป้าหมาย ระบุเป็นวัคซีนป้องกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A(H1N1), สายพันธุ์ A (H3N2) และ สายพันธุ์ B วิคตอเรีย ที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย สปสช. กำหนดเป้าหมายเพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12 -20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์) 2. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี 3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 […]

เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 14 พ.ค.-“ชัยชนะ” เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง ย้ำพร้อมช่วยเหลือทุกกรณี หากไม่ได้รับความเป็นธรรม นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมด.ต.นิสาธิต คงเทพ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ณ เรือนรับรองตำรวจชายแดนที่ 43 จังหวัดสงขลา โดยในโอกาสนี้ นายชัยชนะได้มอบกระเช้าและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัว นายชัยชนะ ได้พูดคุยกับ ด.ต.นิสาธิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร หากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นหรือมีความต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด กรรมาธิการตำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าพรรคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม.-312.-สำนักข่าวไทย

ปูพรมค้น 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง

ตรัง 14 พ.ค. – ตำรวจปูพรมปิดล้อม 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ล่าสุดตามยึดรถกระบะของกลางที่คนร้ายใช้ไปซื้อยางรถยนต์มาก่อเหตุ เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังร่วมกันตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีเทาดำ (สงวนหมายเลขทะเบียน) และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ ที่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือ แจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายยื่นขอความเป็นธรรมปมมติแพทยสภา

สธ. 13 พ.ค. – แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษ กรณีมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวที่ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภามีมติการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ปม “ทักษิณ ชินวัตร” รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพและเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูล หรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ มีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง นายกองตรี […]

ข่าวแนะนำ

รวบ 19 คนไทยรับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

15 พ.ค.- เปิดปฏิบัติการ “The Scam เงินแท้ คนเก๊” รวบ 19 คนไทยขายชาติ รับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์รวม 6.6 ล้านบาท พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ร่วมแถลงข่าว กรณีมีผู้เสียหายจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งสายที่ 1 อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ มีพัสดุมาส่ง จากนั้นได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ส่ง (สายที่ 2) เมื่อผู้เสียหายโทรกลับไป อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กองคลัง โดยให้ทำตามขั้นตอนที่คนร้ายสั่ง อ้างเพื่อเพิ่มเงินบำนาญ โดยได้หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินครั้งแรกจำนวน 720,000 บาท และต่อมาได้มีสายที่ 3 โทรเข้ามาหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าการทำธุรกรรมที่ได้ทำไปก่อนหน้านั้นผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอก เป็นเหตุให้ต้องระงับบัญชี และให้ทำตามขั้นตอนจากธนาคารแทน ผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำให้ต้องโอนเงินไปอีกเป็นจำนวน 6 ครั้ง แต่มาทราบภายหลังว่าสุดท้ายเป็นการโอนเงินออกจากบัญชีทุกบัญชีของตนเองไปยังบัญชีของคนร้าย รวมความเสียหายทั้งหมด 3,942,767 บาท พฤติการณ์ดังกล่าว ผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้ร่วมกันกระทำความผิดเป็นกระบวนการ ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. จึงได้ทำการสืบสวนพิสูจน์ทราบข้อมูล […]

นายกฯ เยือนเวียดนามวันแรก เดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ

เวียดนาม 15 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะการผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินและเทคโนโลยี.-สำนักข่าวไทย

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

ยังปิดล้อม! เหตุชายคลั่งยิงปืนขึ้นฟ้า จ่อปรับยุทธวิธี

15 พ.ค.- ยังปิดล้อม! เหตุชายคลุ้มคลั่งยิงปืนขึ้นฟ้า ด้านผู้ช่วย ผบ.ตร. รุดลงพื้นที่ เน้นยํ้าเรื่องความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบ เตรียมปรับยุทธวิธีระงับเหตุ เมื่อเวลา 17.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่เหตุชายคลุ้มคลั่งก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าและยิงใส่เจ้าหน้าที่ ภายในบ้านพักหลังวัดลครทำ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โดย พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า จะเข้าไปพูดคุยกับทาง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นยังเน้นยํ้าเรื่องความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบพื้นที่ ซึ่งจะยังไม่มีการยกระดับมาตรการหรือยุทธวิธีใดๆ ยึดการเจรจาเป็นหลักแม้สถานการณ์จะล่วงเลยมานานกว่า 9 ชั่วโมง แต่ยืนยันว่าทุกอย่างยังอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย ส่วนกรณีชาวบ้านหลายครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านของผู้ก่อเหตุนั้น เบื้องต้นจะหารือกับทาง พล.ต.ท.สยาม เรื่องมาตรการเยียวยา ตำรวจเตรียมปรับยุทธวิธีระงับผู้ก่อเหตุ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางลงพื้นที่อีกครั้ง พร้อมให้ข้อมูลว่า ตอนนี้กำลังให้แม่ของผู้ก่อเหตุเข้าไปเจรจาอยู่ เพื่อให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธและมอบตัว ตอนนี้ผู้ก่อเหตุได้ขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน แต่ท่าทีโดยรวมของผู้ก่อเหตุเย็นลง อาการคลุ้มคลั่งก็ลดลงด้วย หากการเจรจาไม่เป็นผลหลังจากนี้อาจจะมีการปรับยุทธวิธีต่อไป -420 .-สำนักข่าวไทย