คุมตัว “จ่าอาร์ม” ทำแผน คดีแทงหญิงสูงอายุ ญาติฮือล้อมรถ รุมสาปแช่ง

นครศรีธรรมราช 25 ก.พ. – คุมตัว “จ่าอาร์ม” ตำรวจนครศรีธรรมราช ทำแผนไล่แทงชาวบ้านดับ 1 ญาติรุมสาปแช่ง ติดใจตั้งข้อหาเบาหวิว หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ตั้งคำถามทำไมปล่อยให้คนคลุ้มคลั่งแบบนี้รับราชการ ด้าน ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ลั่นให้ความเป็นสองฝ่าย


กรณีตำรวจนายหนึ่งคลั่งไล่แทงชาวบ้านเสียชีวิตและบาดเจ็บ ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ เจ้าหน้าที่นำตัวตำรวจนายนี้ไปทำแผน แต่เกิดเหตุชุลมุน ชาวบ้านไปล้อมรถ เพราะไม่พอใจเรื่องคดีข้อกล่าวหา และขอให้ ผบ.ตร.เข้ามากวดขันตำรวจ ที่ปัจจุบันมีอาการวิกลจริต และเสพยา

กรณีตำรวจ สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ก่อเหตุใช้มีดแทงหญิงสูงอายุ 2 คน เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน เหตุเกิดในตัวอำเภอชะอวด เมื่อวานนี้ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม พบว่ามีอาการเครียดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวไปสงบสติอารมณ์


คดีนี้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิง ถูกแทงที่ท้ายทอย เป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนหญิงอีกคนบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ส่วนผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.อ.ชวนิล หรือ “จ่าอาร์ม” เป็น ผบ.หมู่ งาน ป.สภ.ชะอวด

“จ่าอาร์ม” เพิ่งย้ายมาจาก จ.ภูเก็ต มีอาการเครียด เนื่องจากผิดหวังจากแฟน จนเป็นโรคเครียด ญาติเคยส่งตัวไปรักษาอาการจนดีขึ้น กระทั่งย้ายมาประจำที่ สภ.ชะอวด ทราบว่าจะมีการส่งยามาให้ทางไปรษณีย์ พ.ต.อ.สมพร นิติภักดิ์ ผกก.สภ.ชะอวด เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ จ่าอาร์มขับรถยนต์ส่วนตัวไปประสบอุบัติเหตุตกหลุม จากนั้นได้เรียกรถยกให้มาช่วยยก และขณะรถยกกำลังดำเนินการ “จ่าอาร์ม” ก็ได้โทรศัพท์ไปหาแม่และมีปากเสียงกันทางโทรศัพท์

คนขับรถยกก็ปลอบใจว่าอย่าไปทะเลาะกับแม่เลย ปรากฏว่า “จ่าอาร์ม” ไม่พอใจ และจะใช้มีดแทงคนขับรถยก แต่คนขับรถยกวิ่งหนีทัน


หลังจากนั้นมีหญิงสูงวัยขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา “จ่าอาร์ม” จึงเข้าไปถีบ จยย.ล้ม ก่อนใช้มีดแทงทั้งสองคนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ตำรวจได้รับแจ้งเหตุและรีบไปให้การช่วยเหลือ เข้าควบคุมตัว “จ่าอาร์ม” ไว้ได้ และได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว

ชุลมุน ญาติฮือล้อมรถทำแผน หวั่นคดีไม่เป็นธรรม
ช่วงสายวันนี้ ตำรวจ สภ.ชะอวด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว “จ่าอาร์ม” จากห้องควบคุมในสภาพสวมกุญแจมือ สีหน้าไม่สะทกสะท้าน โดยมีกลุ่มญาติของผู้ตายและผู้บาดเจ็บมารอด้วยความโกรธแค้น ส่งเสียงสาปแช่งตลอดเวลา ตำรวจขอร้องญาติว่า อย่าสร้างความวุ่นวาย เนื่องจากจะทำให้ชื่อเสียงโรงพักชะอวดเสื่อมเสีย ยิ่งทำให้กลุ่มยาติด่าทอด้วยความโกรธแค้น

ญาติพยายามเข้าไปขัดขวางเพื่อจะดูหน้า “จ่าอาร์ม” จนเกิดชุลมุนไปชั่วขณะ และกลุ่มญาติได้แจ้งความประสงค์คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความ เป็นธรรม ไม่ไว้วางใจในคดี เนื่องจากเป็นตำรวจด้วยกัน ก่อนเจ้าหน้าที่จะรีบทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และนำตัวออกไปจากจุดทำแผนทันที

ญาติผู้ตาย ฝากถึง ผบ.ตร. ทำไมปล่อยให้คนคลุ้มคลั่งแบบนี้รับราชการ มาเป็นภัยต่อชาวบ้าน ตำรวจเป็นผู้ใช้กฎหมาย แต่เมื่อทำเช่นนี้เราจะเรียกร้องจากใคร

ครอบครัวของผู้เสียหายหลายคนตั้งข้อสังเกตในการก่อเหตุของ “จ่าอาร์ม” อาจไม่ใช่แค่ เมาสุราอย่างที่กล่าวอ้าง และแม้จะอ้างว่าวัดแอลกอฮอล์ในลมหายใจได้ 49 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ก็ตาม ทั้งยืนยันว่าตรวจไม่พบสารเสพติดในร่างกายหรือตรวจปัสสาวะแล้วไม่มีสีม่วง อาจไม่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนคนคลุ้มคลั่งจากยาเสพติดฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล

สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านญาติไม่พอใจหนัก คือเมื่อไปถามเจ้าหน้าที่บางคนบอกว่า “จ่าอาร์ม” ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตาย แต่เมื่อไปดูเอกสารข้อมูลกลับพบว่ามีการตั้งข้อหาที่เบามาก คือ “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และถึงแก่ความตาย” ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานฆ่าคนตายมาก ทั้งที่ “จ่าอาร์ม” เจตนาแทงซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง และถีบรถ จยย.ให้ล้ม ก่อนเข้าไปทำร้าย

พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ระบุจะไม่มีการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพราะผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บไม่ได้รู้จักกับ “จ่าอาร์ม” มาก่อน และต้องให้ความเป็นธรรมแน่นอน ตอนนี้ได้นำตัว “จ่าอาร์ม” ไปฝากขัง และให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย