เปิดวงจรปิดนาทีอุ้มหนุ่มโรงงานขึ้นรถ

สมุทรปราการ 2 ก.พ. – ตำรวจเปิดภาพวงจรปิดนาทีมือฆ่าขับรถปาดหน้าหนุ่มโรงงาน ก่อนจะอุ้มขึ้นรถไปก่อเหตุ ด้านภรรยาพ้อ สภาพจิตใจแย่ ยืนยันไม่เกี่ยวกับการฆ่าสามี เป็นแค่เพื่อนร่วมงานของ “ช่างกิต”


วงจรปิดบันทึกภาพนาทีที่นายกิตติโชติ หรือ ช่างกิต บางบ่อ ผู้ก่อเหตุขับรถยนต์ปาดหน้ารถจักรยานยนต์ของผู้ตาย คือ นายธนาสันต์ อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงาน และได้ลงมาบังคับผู้ตายให้ขึ้นรถมาด้วย ก่อนจะอุ้มขึ้นรถและนำไปก่อเหตุลงมือฆ่า กระทั่งมีการพบศพนายธนาสันต์ ถูกมัดมือมัดเท้าทิ้งหมกข้างทางเลียบมอเตอร์เวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบไทม์ไลน์ตามกล้องวงจรปิด ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา พบว่าเมื่อเวลา 22.08 น. บริเวณหน้าหมู่บ้าน ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ พบผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ออกจากหมู่บ้าน จากนั้นเวลา 22.11 น. บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ สามแยก ซ.คลองอาเสี่ย จะเห็นผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าปากซอยจงศิริ และมีรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ต่อมาเวลา 22.13 น. บริเวณสามแยกถนนคลองอาเสี่ยคลอง กันยา – สิริพาร์คแลนด์ พบรถจักรยายนต์ของผู้เสียชีวิตขี่ผ่านบริเวณนี้ แต่สังเกตเห็นว่าคนขี่ไม่สวมหมวกกันน็อก ซึ่งคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นคนขี่ จากนั้นพบรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามมา


เวลา 22.13 น. บริเวณสามแยก ซ.จงสิริ พบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต มุ่งหน้า ถ.บางพลี-ตำหรุ จากนั้นพบรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามมา เวลา 22.15 น. บริเวณปากซอยจงสิริ พบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต มุ่งหน้า ถ.บางพลี-ตำหรุ และยังพบรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามมา เวลา 22.18 น. บริเวณสี่แยกคลองขุด พบผู้ก่อเหตุ ขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต มุ่งหน้า ถ.บางพลี-ตำหรุ ขาออก เวลา 22.19 น. บริเวณจุดกลับรถ ถ.บางพลี-ตำหรุ พบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต กลับรถบริเวณดังกล่าว มุ่งหน้า ถ.บางพลี-ตำหรุ ขาเข้า และเวลา 22.21 น. บริเวณจุดกลับรถ ถ.บางพลี-กิ่งแก้ว พบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต มุ่งหน้า ถ.กิ่งแก้ว โดยมีรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามมา จนกระทั่งกลุ่มผู้ก่อเหตุขับออกจากพื้นที่สมุทรปราการ มุ่งหน้าเข้าเขตฉะเชิงเทรา

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อที่ 29 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 17.16 น. ตำรวจ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุว่า มีเหตุคนเสียชีวิต บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ ช่วงกิโลเมตรที่ 41 ขาเข้ากรุงเทพฯ ม.10 ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพถูกมัดมือและเท้า และถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด อยู่บริเวณข้างพงหญ้าริมกำแพงถนนมอเตอร์เวย์ แพทย์สันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 วัน

ในที่เกิดเหตุพบ น.ส.วรรณพร แสดงตัวเป็นภรรยาของผู้ตาย และยืนยันว่า ผู้ตายคือ นายธนาสันต์ พร้อมเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 22.00 น. ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ส่วนตัวออกจากบ้านพักย่าน ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อเดินทางไปทำงานตามปกติ


ต่อมาได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมงานว่า สามีไม่ได้เดินทางไปทำงาน จึงพยายามติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2567 ตนเองได้พูดคุยผ่านแชทไลน์ โดยผู้ตายส่งข้อความมาว่าขอเลิกรา โดยแจ้งเหตุผลว่าทำผู้หญิงคนอื่นท้อง ซึ่งจากลักษณะข้อความที่พูดคุย เชื่อว่าข้อความเหล่านี้ไม่ใช่ลักษณะการพูดคุยของสามี และจากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่ารถจักรยานยนต์และโทรศัพท์มือถือของสามีสูญหายไปด้วย ต่อมา พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. หัวหน้าคุมงานสืบสวนของ ตร. ได้รับทราบเรื่อง เห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง และเชื่อได้ว่ามีผู้ก่อเหตุมากกว่า 1 คน มีการเตรียมการและวางแผนมาก่อน จึงสั่งเร่งคลี่คลายคดีดังกล่าว

ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ในคืนวันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 21.14 น. กลุ่มคนร้าย จำนวน 5 คน รวมตัวกันที่อู่ซ่อมรถของ ช่างกิต ซึ่งตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน และพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้ก่อเหตุทั้งหมด จนทราบตัว นายกิตติโชติ หรือ ช่างกิต เป็นคนแรก และได้ขอศาลจังหวัดฉะเชิงเทราออกหมายจับ ก่อนจับกุมตัวช่างกิตได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมตรวจยึดรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ โดยช่างกิต ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกับพวกก่อเหตุในครั้งนี้จริง ต่อมาตำรวจได้ทำการกดดันกลุ่มคนร้าย กระทั่งในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 10.00 น. นายนันทพัทธ์ หรือ โอ๊ต, นายปานเทพ หรือ แท็ป, นายสุขสงกรานต์ หรือ กรานต์ และ น.ส.อภิสรา หรือ นิว ติดต่อเข้ามอบตัว ซึ่งทั้งหมดให้การรับสารภาพ และคุมตัวชี้จุดที่นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปทิ้งไว้ในคลองส่งน้ำ เขตพื้นที่ จ.สมุทรปราการ

ตำรวจแจ้งข้อหากลุ่มคนร้ายทั้งหมด “ปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและความจำเป็นเร่งด่วนและโดยไม่มีใบอนุญาต และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน” ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต

นอกจากนี้ ในวันที่พบศพผู้ตาย ช่างกิต เป็นคนพา นส.วรรณพร ภรรยาผู้ตาย ไปดูที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งบ้านนายกิตติโชติ อยู่ไม่ไกลจากที่พบร่างผู้ตาย ส่วนชนวนเหตุสังหาร เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวน โดยมีรายงานว่า อาจมาจากเรื่องชู้สาว

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.บางปะกง คุมตัว นายโบ๊ท หนึ่งในแก๊งอุ้มฆ่า และทำหน้าที่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายออกมา หลังจากที่อุ้มผู้ตายขึ้นรถ แล้วยังเป็นหลานของช่างกิต ไปชี้จุดทิ้งอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย บริเวณคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยประสานนักประดาน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญู กว่า 10 นาย ลงค้นหา พบรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาช่วยกันชำแหละก่อนนำมาโยนทิ้ง ส่วนอาวุธปืนที่กลุ่มผู้ต้องหายืนยันว่าทิ้งจุดเดียวกับที่พบรถนั้น ขณะนี้ยังไม่พบ ทีมนักประดาน้ำยังคงค้นหาต่อเนื่อง

ขณะที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางปะกง นำหมายศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าตรวจค้นบ้านใน ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านพักของนางวรรณพร ภรรยาของผู้ตาย เพื่อเก็บวัตถุพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับ พร้อมกับนำวัตถุพยานที่พบในบ้านไปตรวจสอบเพิ่มเติม

นางวรรณพร กล่าวว่า ขณะนี้ตนเองยังสภาพจิตใจแย่ และได้กล่าวเพียงสั้นๆ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมสามี และยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นทุกอย่าง รายละเอียดให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว หลังทราบว่า นายกิต เป็นคนลงมือ ตนเองตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ และเป็นพฤติกรรมที่ตนรับไม่ได้ ส่วนนิสัยใจคอนั้น ลึกๆ ตนเองไม่ทราบว่านายกิตเป็นคนแบบไหน เพราะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของช่างกิต ในพื้นที่หมู่ 8 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยทีมพิสูจน์หลักฐานจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมชุดสืบสวนภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบหาวัตถุพยาน หาความเชื่อมโยงกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ รวมถึงวัตถุพยานอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง

จากการตรวจสอบในห้องพักของช่างกิต พบกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 6 นัด, เสื้อยืดสีเขียวแขนยาว จำนวน 1 ตัว ที่ใส่ไปในวันพบศพ, ครีม 1 กระปุก กับ 2 ขวดปั๊ม, สร้อยข้อมือเลส 1 เส้น, แหวนทองเหลือง 2 วง, ถุงเท้า 1 คู่, กล้องถ่ายรูป 1 ตัว, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง, เคสโทรศัพท์ 4 อัน และกล่องใส่รองเท้า 1 กล่อง เจ้าหน้าที่จึงนำกลับไปตรวจสอบ เพื่อหาความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุหรือไม่

สอบถาม ป้าอู๊ด อายุ 67 ปี พี่สาวแม่ของช่างกิต กล่าวว่า วันเกิดเหตุ ตนนอนอยู่ด้านหลังของบ้านช่างกิต ไม่ได้ยินเสียงใดๆ และไม่มีใครมาหาที่บ้าน ตนไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้ยินเสียงปืน หรือมีเสียงคนทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น เมื่อถามว่ารู้จักกับน้องพร ภรรยาของผู้เสียชีวิตหรือไม่ ป้าอู๊ดตอบว่า ช่างกิตเคยพามาแนะนำให้รู้จัก แต่เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างช่างกิตกับน้องพรนั้น ป้าอู๊ดไม่ขอตอบในรายละเอียด ได้แต่ยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านปิดประตูไป ส่วนเรื่องของการประกันตัว ต้องเป็นหน้าที่ของแม่ช่างกิต ที่จะต้องดำเนินการ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]