สุพรรณบุรี 18 ม.ค. – ตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี เบื้องต้นคาดเกิดสะเก็ดไฟในขั้นตอนผลิตพลุดอกไม้ไฟ ก่อนลามไปยังหลุมเก็บดินระเบิด ขณะที่วัดโรงช้าง ญาติทยอยรับร่างผู้เสียชีวิตแล้ว
พลตำรวจตรีกำธร อุ่ยเจริญ ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD เพื่อหาสาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้
เมื่อลองเทียบเคียงภาพแรกเป็นเหตุการณ์พลุระเบิดเมื่อปี 65 สภาพโรงงานยังหลงเหลืออาคารอยู่ ส่วนอีกภาพเหตุระเบิดล่าสุด แทบไม่เหลืออาคารโรงงาน เหลือเพียงเค้าโครงสร้างของโรงงาน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้แบ่งออกเป็น 4 โซน คือ A B C D
โดยจุด C เป็นอาคารที่ประกอบพลุ พนักงานทำงานอยู่บริเวณจุดนี้ ส่วนโซน A พบหลุมขนาดใหญ่ กว้าง 5.3 เมตร ลึก 1 เมตร คาดว่าเป็นจุดที่มีการเก็บดินระเบิดหรือดินดำ ที่เป็นวัตถุดิบก่อนจะนำมาผลิตพลุดอกไม้ไฟ นอกจากนี้ยังพบหลุมระเบิดทั้งหมด 23 หลุม กระจายอยู่ทั่วบริเวณ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบลักษณะของร่างผู้เสียชีวิตที่กระเด็นไปทางฝั่งทุ่งนา ด้านหน้าของตัวโรงงาน ซึ่งมีลักษณะกระเด็นไปไกลไม่ต่ำกว่า 160 เมตร จึงสันนิษฐานว่า ในโซน C อาคารประกอบพลุดอกไม้ไฟ น่าจะเป็นจุดแรกที่มีการระเบิด อาจเกิดจากสะเก็ดไฟในขั้นตอนการบรรจุ หรือลากถูลังพลุ ก่อนจะลามไปจุดที่บรรจุดินระเบิด โซน A แรงอัดจากระเบิดทำให้ร่างของผู้เสียชีวิตกระเด็นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่วนความแน่ชัดว่าเกิดระเบิดจากสาเหตุใด ต้องรอพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบทั้งหมดก่อน แล้วค่อยมาวิเคราะห์กับการตรวจพื้นที่เกิดเหตุนี้ จึงจะสามารถระบุได้อย่างชัดเจน ส่วนหลุมระเบิดสามารถบอกถึงปริมาณดินที่เป็นวัตถุระเบิด หากหลุมขนาดใหญ่ก็เท่ากับว่ามีดินระเบิดจำนวนมาก จากการประเมินคาดว่ามีอย่างน้อย 400-500 กิโลกรัม เฉพาะหลุมใหญ่ อำนาจการทำลายล้างในรัศมีประมาณ 1.5 กิโลเมตร แรงที่ทำให้เสียชีวิตในทันทีประมาณ 100-200 เมตร
ขณะที่ศาลาวัดโรงช้าง จ.สุพรรณบุรี ญาติผู้เสียชีวิตทยอยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิต และตรวจเทียบเคียง DNA รวมถึงให้ข้อมูลกับตำรวจ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ น้ำฝน คนงานที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะลูกชายโทรมาบอกว่าสั่งของแต่งรถไป ขนส่งมาส่งของแล้ว ให้ไปจ่ายเงินให้หน่อย 70 บาท จึงทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด ขณะที่เจ้าของโรงงานก็มาให้ปากคำกับตำรวจเช่นกัน และประกาศว่าจะหยุดทำโรงงานพลุ ท่ามกลางความโศกเศร้า หลังสูญเสียภรรยาและลูก
สำหรับร่างผู้เสียชีวิต ขณะนี้ได้ครบหมดแล้วทั้ง 23 ศพ อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิสูจน์อัตลักษณ์ โดยการสังเกตมี 4 วิธี คือ รอยสัก-เสื้อผ้า-เครื่องประดับ และมีการยืนยันจากญาติ จากลายนิ้วมือ ฟัน และจากการตรวจ DNA ตรงกันกับญาติ เพื่อป้องกันการส่งร่างผิด และหลังจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลนานกว่า 9 ชั่วโมง ได้ประกาศรายชื่อผู้เสียชีวิต และให้ญาตินำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลได้ทั้งหมด 8 ศพ.-สำนักข่าวไทย