คนร้ายโหด บุกยิงหัวพนักงานปั๊ม ดับ 2 ศพ 

นครพนม  30 ธ.ค.-คนร้ายบุกฆ่าโหด สองพนักงานปั้มสาวใหญ่ วัย 50 ปี ถูกจ่อยิงหัว ส่วนอีกรายหนุ่มพนักงานปั้มชาวลาว ถูกของมีคมฟันศีรษะดับ ตร.เร่งตามตัวคนร้าย


เมื่อคืนนี้ เวลา 22.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ที่ปั๊มน้ำมัน ริมทางหลวงหมายเลข 22 บริเวณบ้านผึ้ง หมู่ 1 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม ที่เกิดเหตุพบศพ นายพรหมจักร อายุ 33 ปี พนักงานปั๊มชาวลาว นอนตะแคงข้างเสียชีวิตอยู่หน้าออฟฟิศ สภาพศพถูกของแข็งหนักทุบที่ศีรษะจนกะโหลกเปิด ใกล้กันพบศพ น.ส.วิชุดา อายุ 50 ปี พนักงานปั๊ม อยู่ในสภาพนอนหงายทับรถ จักรยานยนต์ ซึ่งเป็นของผู้ตาย โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดที่ท้ายทอย 1 นัดกระสุนทะลุแก้ม           

สอบถามนางสุพิรม อายุ 33 ปี น้องสาวนายพรหมจักร ผู้ตาย ให้การว่า ตนทำงานที่ปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่ง หลังจากตนเลิกงาน ประมาณสี่ทุ่ม ขับขี่รถจักรยานยนต์มาที่ปั๊มนี้ เพื่อจะมานอนที่ออฟฟิศกับพี่ชาย เมื่อมาถึงพบศพของทั้งคู่ถูกฆ่าตายแล้ว ด้วยความตกใจจึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งนายจ้าง ก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้ง 191 ให้ตำรวจมาตรวจสอบ  


นายชาตรี อายุ 61 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมัน กล่าวว่า ปั๊มแห่งนี้เปิดมา 4 ปีแล้ว มีลูกจ้าง 4 คนมีคนไทยเป็นหญิง 3 คนรวมกับ น.ส.วิชุดา ผู้ตาย ทำงาน 2 กะ ส่วนนายพรหมจักร ผู้ตายเข้ากะช่วงบ่ายจนถึงค่ำ ปกติทุกวันจะให้ลูกชายหรือภรรยามาเก็บเงินที่ขายได้ในแต่ละวัน  ส่วนกะค่ำจะให้นายพรหมจักร เก็บเงินที่ขายได้ไว้ก่อนพอรุ่งขึ้นค่อยมาเอาไปเข้าฝากธนาคารอีกรอบหนึ่ง ปกติช่วง 4 ทุ่ม น้องสาวผู้ตายจะมานอนที่ปั๊มแห่งนี้ แต่วันนี้มาถึงพบพนักงานปั๊มทั้งคู่ถูกฆ่าตาย จึงแจ้งให้ตนทราบ ตนจึงรีบมาตรวจสอบ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ทราบ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเสียก่อน  

จากการตรวจสอบพบปั๊มมีกล้องวงจรปิด 16 ตัว แต่ปลั๊กไฟของเครื่องบันทึก (เซริฟเวอร์)  ถูกดึงออก พบเงินที่ได้จากการขายน้ำมันประมาณ  30,000 บาท ยังอยู่ในกระเป๋าคาดเอวของนายพรหมจักร ผู้ตาย โดยมีพยานให้การว่า ก่อนที่ น.ส.วิชุดา จะถูกยิงจนเสียชีวิตในช่วงสายของวันเดียวกัน มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาหาแต่นางสาววิชุตา ไม่ได้รับสาย  ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์สายที่โทรเข้าว่าเป็นของใคร และตรวจสอบกล้องวงจรปิดห้วงเวลาก่อนเกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสเชื่อมโยงการฆาตกรรมโหดครั้งนี้ อย่างเร่งด่วน 

เบื้องต้น ตำรวจตั้งประเด็นปมสังหารไว้หลายประเด็น มีปมชู้สาว ขัดผลประโยชน์และหนี้สิน ซึ่งได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้ มาดำเนินคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”