พาหลานสาววัย 14 แจ้งความ ถูกหนุ่มเมียนมาล่อลวงทำอนาจาร

นนทบุรี 2 ธ.ค.-ล่ามชาวเมียนมา พานายอูตัน พร้อมหลานสาว วัย 14 ปี เข้าแจ้งความ สภ.ปลายบาง จ.นนทบุรี หลังถูกแรงงานชาวเมียนมา ล่อลวงทำอนาจาร


นายอูตัน ญาติผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่า คืนวันที่ 30 พ.ย. นายอ่อง ออกอุบายชวนหลานสาวให้ออกไปพบที่หน้าแคมป์คนงานก่อสร้าง ภายในซอยวัดตะเคียน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี อ้างว่าซื้อขนมมาให้ จากนั้นได้ใช้กำลังล่วงละเมิดหลานสาว บนท้ายรถกระบะ โดยมีเพื่อนร่วมงานของนายอ่อง คอยดูต้นทางให้ ซึ่งทาง ด.ญ. บอกว่าพยายามขัดขืนแล้ว แต่สู้แรงไม่ได้ จากนั้น ด.ญ. เดินร้องไห้กลับเข้ามาในแคมป์ที่พัก นายอูเห็นจึงได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กบอกว่าถูกนายอ่อง ทำอนาจาร พร้อมพาไปชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งพบมีกระดาษทิชชู่ใช้แล้วทิ้งอยู่ริมถนนเป็นจำนวนมาก

จากนั้นล่ามชาวเมียนมา พานายอู และ ด.ญ.14 ปี เดินทางไปที่ สภ.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอ่อง หลังรับแจ้งทางตำรวจได้ประสานให้ทางชุดสืบสวนลงพื้นที่เกิดเหตุ และที่แคมป์ก่อสร้างเพื่อติดตามตัวนายอ่อง มาสอบปากคำปรากฎว่าไม่พบตัว ส่วนห้องพักถูกล็อก คาดน่าจะหลบหนีไป


ต่อมาญาติของนายอ่อง เดินทางมาที่ สภ.ปลายบาง เข้าไปพูดคุยกับนายอูตัน และ ด.ญ.14 ปี และทราบว่านายอ่อง ไม่ได้โสด มีภรรยา 2 คน และลูก 4 คน ทางนายอูตัน ได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000 บาท ซึ่งทางผู้ก่อเหตุยินยอมชดใช้ให้ โดยขอผ่อนจ่าย 7 เดือน แต่ทางนายอูตันไม่รับข้อเสนอ ต้องการเป็นเงินก้อนครั้งเดียว จึงยังไม่สามารถพูดคุยตกลงกันได้ 

คดีนี้ตำรวจบอกว่า ผู้เสียหายเป็นเยาวชน ต้องดำเนินคดีตามกฏหมาย แม้ทั้งสองฝ่ายจะพยายามพูดคุยตกลงกัน ขณะนี้รอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ และได้ส่งกระดาษทิชชู่ไปตรวจหาดีเอ็นเอ เพื่อนำมาประกอบสำนวน และดำเนินคดีกับผู้ต่อเหตุต่อไป.–สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย