ทำแผนฆ่าสาว อบต. โบกปูนยัดท่อระบายน้ำ

สุราษฎร์ธานี 26 พ.ย. – ตำรวจคุมตัวอดีตสามีโหดไปชี้จุด ทำแผนประกอบคำรับสารภาพฆ่าโบกปูน สาว อบต. เพิ่มพูนทรัพย์ อดีตภรรยา ยัดท่อระบายน้ำ


ความคืบหน้ากรณีการหายตัวไปของ น.ส.กวินนา อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ อบต.เพิ่มพูนทรัพย์ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี เกือบ 12 วัน โดยนายประสิทธิพร อดีตสามีที่หย่าร้าง แต่ยังพักอยู่บ้านเดียวกัน เป็นคนเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านนาสาร กระทั่งเมื่อวานนี้ ตำรวจได้เรียกตัวอดีตสามีมาสอบเค้นอย่างหนัก เพราะให้การขัดแย้งกัน ประกอบกับมีภาพจากกล้องวงจรปิด จนต้องยอมรับสารภาพ เพราะจำนนด้วยหลักฐานว่าเป็นคนฆ่าอดีตภรรยาเอง โดยนำศพไปทิ้งท่องระบายน้ำ บริเวณพื้นที่ว่างเปล่า ถนนนิคมสร้างตนเองขุนทะเล ซอย 3 ต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และโบกปูนทับหวังอำพรางคดี

ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจได้ควบคุมตัวนายประสิทธิพร ไปชี้จุดเกิดเหตุ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางฝนตกที่ตกลงมาตลอดเวลา ซึ่งผู้ต้องหามีแววตาเรียบเฉยในบางช่วง และบางช่วงมีลักษณะคล้ายสำนึกผิด โดยมีชาวบ้านมามุงดูเป็นจำนวนมาก


ย้อนดูไทม์ไลน์การก่อเหตุ ที่นายประสิทธิพร ให้การกับตำรวจ

13 พ.ย.

  • เวลา 20.00 น. นายประสิทธิพรมีปากเสียงทะเลาะกับอดีตภรรยา เรื่องความหึงหวง และถูกอดีตภรรยาใช้ถ้อยคำดูถูก เหยียดหยามจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ ตรงเข้าไปผลักอดีตภรรยาล้มลงบนที่นอน ก่อนตามเข้าไปบีบคอ จนฝ่ายหญิงแน่นิ่งไป และเสียชีวิต จึงคิดหาทางเคลื่อนย้ายศพเพื่อปกปิดความผิด
  • 21.00 น. ได้นำศพ น.ส.กวินนา ขึ้นรถกระบะ โดยวางศพไว้ที่เบาะนั่งหน้า ขับเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ใช้ถนนสายบ้านนาสาร-สุราษฎร์ธานี ผ่านตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปตามถนนสาย 417 มุ่งหน้าเข้าถนนสาย 41 ไปจนถึง อ.เวียงสระ แต่ไม่สบโอกาสในการทิ้งศพ จึงย้อนกลับมา และตัดสินใจใช้ทางลัดมุ่งหน้าเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จนพบจุดทิ้งศพ

14 พ.ย.


  • 02.00 น. วางศพไว้ใกล้ท่อระบายน้ำ แล้วใช้ใบตองปิดไว้ ก่อนเดินทางกลับบ้าน
  • 07.25 น. นำที่นอนไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า ในเขตเทศบาลบ้านนาสาร แต่ร้านปิดจึงทิ้งที่นอนไว้หน้าร้าน

15 พ.ย.

  • 12.00 น. เข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านนาสาร เพราะมีผู้ทราบว่า น.ส.กวินนา หายตัวไป และมีผู้มาตามหาที่บ้านหลายครั้ง จากนั้นได้ย้อนกลับมาดูจุดทิ้งศพอีกครั้ง

16 พ.ย.

  • 14.00 น. เอาปูน ทราย สำเร็จรูปที่แวะซื้อมา มาโบกทับศพ เพื่อป้องกันมีคนมาพบศพ ระหว่างเดินทางกลับบ้านพัก ได้นำทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยา อาทิ โทรศัพท์ มือถือ กระเป๋าสตางค์ ไปทิ้งตามจุดต่าง ๆ

25 พ.ย.

  • ตำรวจเรียกตัวนายประสิทธิพรมาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังพบว่าคำให้การไม่ตรงกัน
  • 16.30 น. ตำรวจพบศพหญิงนิรนามคล้ายลักษณะคล้าย น.ส.กวินนา ถูกโบกทับด้วยปูนซีเมนต์ บริเวณพื้นที่ว่างเปล่าในถนนนิคมสร้างตนเองขุนทะเล ซอย 3 เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าตรวจที่เกิดเหตุเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันตัวบุคคล
  • 19.00 น. นายประสิทธิพร ยอมรับสารภาพ ว่าเป็นคนฆ่าภรรยาจริง
  • 20.00 น. กู้ภัยช่วยกันนำร่าง น.ส.กวินนา ขึ้นมาจากท่อ สภาพศพนุ่งกางเกงเสื้อยืดสีดำ ใส่ถุงปุ๋ย ยัดในท่อระบายน้ำและโบกปูนทับ สภาพศีรษะ มีร่องรอยถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 ตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนส่งศพให้นิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีตรวจสอบอีกครั้ง

พลตำรวจตรีนภัณวุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยว่า หลังนายประสิทธิพร เข้าแจ้งความคนหาย และพบว่าตำรวจยังไม่มีเบาะแส หรือพบศพอดีตภรรยา จึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ ด้วยการสร้างสถานการณ์ ร้องขอให้เพื่อนที่อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ เขียนจดหมายในลักษณะเป็นจดหมายของอดีตภรรยา ส่งไปถึงเพื่อนที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ลักษณะว่าออกจากบ้านไปเอง

เจ้าหน้าที่ต้องใช้หลักฐานต่าง ๆ ทางนิติวิทยาศาสตร์ และสอบปากคำผู้ต้องหา แต่ไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุน ทุกอย่างกลับมาอยู่ที่ตัวผู้แจ้งความเอง จึงขยายการค้นหา จนพบหลักฐานบริเวณที่พบศพ จึงเชื่อว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นจุดทิ้งศพแน่นอน จึงได้ซักถามผู้ต้องหาจนยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าอดีตภรรยาและทิ้งศพ รวมทั้งให้เพื่อนเขียนจดหมายส่งในทำนองว่าผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ส่วนสาเหตุเป็นเรื่องของครอบครัว ซึ่งผู้ตายกับผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างแยกทางกัน เบื้องต้นถูกดำเนินคดี ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก