ยังไร้เงา “เสี่ยแป้ง” ตำรวจเชิญเมียบิ๊ก สอบปากคำ ปัดหนี

27 ต.ค. – รวบได้อีกหนึ่ง ลูกน้องเสี่ยแป้ง ขณะดูหนังสัปเหร่อ เจ้าตัวยอมรับไปเยี่ยมที่ รพ.จริง แต่ไม่ได้พาหลบหนี ด้านเจ้าหน้าที่ยังติดตาม “เสี่ยแป้ง-ลูกน้อง” ไม่ลดละ แต่ยังไร้เงา หลังพบกระบะจอดทิ้งที่พัทลุง ล่าสุดเชิญภรรยา “บิ๊ก” สอบปากคำ ปัดหนีไปกับสามี


เข้าสู่วันที่ 6 กับการติดตามตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งหลบหนีในระหว่างเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช และเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ตำรวจภูธรภาค 9 นำกำลังเข้าจับกุมนายคเนศ หรือบอย อายุ 28 ปี ลูกน้องเสี่ยแป้ง หลังพบในภาพวงจรปิดเดินถือกระเป๋าสีดำ และนำโทรศัพท์มือถือกับปืน รวมถึงคีม และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปให้เสี่ยแป้งที่เตียงในโรงพยาบาล ก่อนหลบหนี โดยจับกุมได้ที่ศูนย์การค้ากลางเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะไปดูภาพยนตร์เรื่อง “สัปเหร่อ” และเกิดปวดท้อง จึงออกมาเข้าห้องน้ำ และถูกเจ้าหน้าที่ล็อกตัวทันที เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันกระทำการด้วยประการใด ให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป หลุดพ้นจากการคุมขังไป

เบื้องต้นนายคเณศ ยอมรับว่าไปเยี่ยมเสี่ยแป้ง ที่โรงพยาบาลจริง ในวันที่ 20 ตุลาคม แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เอาคีมตัดเหล็กกับปืนไปให้ ตำรวจชุดจับกุมนำตัวนายคเณศ ถึง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช แล้วเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ก่อนนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมในวันนี้ (27 ต.ค.) พร้อมนำหลักฐานสำคัญ โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดขณะก่อเหตุมายืนยัน ปรากฏว่านายคเณศ ให้การรับสารภาพทุกขั้นตอนในการช่วยเหลือเสี่ยแป้งหลบหนีออกจาก รพ. เจ้าหน้าที่จึงนำไปชี้จุดประกอบการทำแผนฯ ที่ รพ.มหาราชฯ และขณะเตรียมการนำโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์จากบ้านไปช่วยเสี่ยแป้ง


สรุปตอนนี้ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีได้แล้ว 3 คน คือ ยุวเรศ หรือ “หมวย” ผู้ติดต่อว่าจ้างและโอนเงินค่าเฝ้าไข้ น.ส.วิลาวัลย์ หรือไหม คนเฝ้าไข้ และนายคเณศ หรือบอย คนนำคีมและอาวุธปืนไปให้เสี่ยแป้ง

ยังไร้เงา “เสี่ยแป้ง-ลูกน้อง” หลังพบกระบะจอดทิ้ง
ส่วนความคืบหน้าในการไล่ล่าติดตาม “เสี่ยแป้ง” และลูกน้องที่ยังหลบหนี คือ นายจักรี หรือบิ๊ก และนายจีระวุฒิ หรือปอย หลังนำรถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว ซึ่งเป็นรถคันที่ใช้พาเสี่ยแป้งหลบหนีออกจาก รพ. จอดทิ้งที่สำนักสงฆ์ใหม่ยางยายขลุย ต.ร่มเมือง อ.เมืองพัทลุง ตำรวจคาดว่าเป็นนายปอย นำมาจอดทิ้ง และหลบหนีขึ้นรถยนต์อีกคันหนึ่งที่ขับตามหลังมา รับออกจากพื้นที่ไป คาดว่านายบิ๊ก เป็นคนขับ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากบริเวณที่จอดทิ้งรถกระบะดังกล่าวห่างจากบ้านของเสี่ยแป้ง เพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบตัวผู้ต้องหาทั้งหมด จากการตรวจกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเข้ามายังสำนักสงฆ์ด้วย เบื้องต้นพบเพียงภาพลักษณะของแสงไฟรถที่ขับเข้ามาจอดและขับออกไป

เชิญภรรยา “บิ๊ก” สอบ ปัดหนีไปกับสามี
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจกองปราบฯ เชิญภรรยานายบิ๊ก มาสอบปากคำเกี่ยวกับเส้นทางการหลบหนี และข้อมูลว่าไปพบกับใครมาบ้าง ในพื้นที่ใด เพื่อหาความเชื่อมโยงในการจับตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้นายบิ๊ก พาภรรยาหลบหนีไปด้วยกัน แต่ต่อมาก็ให้ภรรยากลับมาบ้านก่อน เบื้องต้นภรรยานายบิ๊ก ปฏิเสธว่าไม่ได้ไปกับสามี ยืนยันอยู่ที่บ้านตลอด ไม่ได้ไปไหน และไม่ตอบคำถามใดๆ ของสื่อมวลชน เพียงแต่ส่ายหน้า


หลังตำรวจกดดันไล่ล่ากลุ่มผู้ต้องอย่างหนัก ทำให้พ่อแม่และญาติๆ ติดต่อตำรวจที่สนิท เพื่อจะพาตัวนายบิ๊ก และนายปอย เข้ามอบตัว แต่มีข้อแม้ว่าขอให้ตำรวจกันทั้ง 2 คนไว้เป็นเพียงพยานเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากทั้ง 2 คน เป็นผู้ช่วยเหลือนักโทษหลบหนี และเป็นคดีสำคัญ พร้อมแนะนำให้ติดต่อทั้ง 2 คน ออกมามอบตัวโดยเร็ว . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]

“ทวีวัฒน์” เจ้าของเงิน 12 ล้าน ลาออกจากกรรมการไต่สวนฯ ป.ป.ช.แล้ว

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – ป.ป.ช. แจง “ทวีวัฒน์” เจ้าของเงิน 12 ล้านบาท ลาออกจากกรรมการไต่สวนฯ ของ ป.ป.ช. แล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 68 วันนี้ (14 มิ.ย.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว แสดงตนเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านบาท ที่ถูกทิ้งที่คอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี เป็นอนุกรรมการชุดต่างๆ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 3 คณะนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ขอชี้แจงว่า นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ได้ทำหนังสือขอลาออกจากการเป็นกรรมการไต่สวน ในคณะกรรมการไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช.ทุกคณะแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สำนักงาน […]