ตร.มั่นใจ “เสี่ยแป้ง” ยังกบดานในป่าพัทลุง เตรียมตั้งศูนย์ปฏิบัติการไล่ล่า

26 ต.ค. – “เสี่ยแป้ง นาโหนด” ยังคงล่องหน เจ้าหน้าที่ตีวงแคบในการไล่ล่า มั่นใจยังกบดานในพื้นที่ป่าเขาของจังหวัดพัทลุง พร้อมอาวุธปืนสงครามเพื่อรับมือเจ้าหน้าที่ ตำรวจเตรียมตั้งศูนย์ปฏิบัติการไล่ล่า


เข้าสู่วันที่ 5 แล้ว กับการไล่ล่า “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หรือนายเชาวลิต ทองด้วง นักโทษหลายคดีอุกฉกรรจ์ พร้อมลูกน้อง หลังก่อเหตุหลบหนีการควบคุมระหว่างการรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ในช่วงกลางคืนรอยต่อวันที่ 21-22 ตุลาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ตำรวจชุดไล่ล่าที่ทราบประวัติเสี่ยแป้งเป็นอย่างดี ยังมั่นใจว่าน่าจะยังคงหลบซ่อนตัวในพื้นที่ จ.พัทลุง โดยเฉพาะพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.พัทลุง-ตรัง และ จ.พัทลุง-สตูล ในอำเภอกงหรา และอำเภอศรีนครินทร์ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการหลบหนีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุด เพราะอยู่ในแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด มีพื้นที่ครอบคลุมหลายจังหวัด และยังเป็นฐานลูกน้องเดิมของเสี่ยแป้ง


จากการข่าวของเจ้าหน้าที่ มีกลุ่มลูกน้องคนสนิทคอยเป็นผู้ดูแลด้านเสบียงอาหารและที่หลบภัยจากฝนตกหนัก เนื่องจากในขณะนี้พื้นที่ซึ่งคาดว่าเป็นแหล่งกบดานของเสี่ยแป้ง ฝนตกหนักเกือบทุกวัน

เตรียมตั้งศูนย์ปฏิบัติการไล่ล่า “เสี่ยแป้ง”
เจ้าหน้าที่ยังสืบทราบว่า “เสี่ยแป้ง” ได้ให้ลูกน้องนำอาวุธปืนสงครามที่เก็บซ่อนไว้มาใช้ในการรับมือกับชุดไล่ล่าอย่างเต็มที่ เจ้าหน้าที่จึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบก่อนขึ้นไปบนเทือกเขาบรรทัด ขณะที่กำลังตำรวจทั้งภูธรภาค 8 , ภาค 9 , ตำรวจนครศรีธรรมราช ตำรวจพัทลุง และกองปราบปราม เตรียมตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ณ ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง หลังจากทุกฝ่ายมีความมั่นใจอย่างมากว่า “เสี่ยแป้ง” ยังคงกบดานอยู่ในพื้นที่พัทลุงในขณะเดียวกันก็มีตำรวจอีกชุดหนึ่งเข้าทางญาติของภรรยาของนายจักรี หรือบิ๊ก และนายจีระวุฒิ หรือปอย ลูกน้องเสี่ยแป้งที่ช่วยเหลือในการหลบหนี เพื่อขยายผลไปสู่การจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา และให้ภรรยาของผู้ต้องหาออกมาพบตำรวจ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและลูก ซึ่งผู้ต้องหาพาภรรยาและลูกหลบหนีไปด้วย เพื่อใช้เป็นโล่ป้องกันตนเองหากพบกับเจ้าหน้าที่

จ่อถก “นายก อบต.สตูล” เข้าข่ายผิดช่วยผู้ต้องหาหรือไม่
พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงการเชิญตัวนายก อบต.คนหนึ่งของจังหวัดสตูล เข้าให้ปากคำเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่า “เสี่ยแป้ง” และนายจีระวุฒิ หรือปอย ได้เข้าไปพักในรีสอร์ตของนายก อบต. โดยเจ้าตัวไม่รู้ว่าผู้ต้องหาหลบหนีออกมาจากเรือนจำ กระทั่งเห็นข่าวจึงรู้เรื่อง ก่อนทั้งคู่จะออกจากรีสอร์ตไป หลังจากนั้นไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เจ้าหน้าที่นำรถของนายก อบต.รายนี้มาเก็บหลักฐานตัวอย่างดีเอ็นเอภายในรถ และหารือข้อกฎหมายว่าพฤติการณ์นี้เข้าข่ายช่วยเหลือให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหาหรือไม่. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง