นครศรีธรรมราช 20 ต.ค. – “อดีตพระยันตระ” กลับบ้านเกิด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช หลังฉลองวันเกิดครบ 72 ปี เมื่อวันที่ 14 ต.ค.66 ที่เมืองกาญจนบุรี
นายชัยณรงค์ สวัสดีนฤนาท อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า อดีตพระยันตระ หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ ได้เดินทางมาที่บ้านเกิด อ.ปากพนัง ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.66 หลังกลับเมืองไทยและฉลองวันเกิดครบ 72 ปี ที่เมืองกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมาพักอยู่ที่บ้านญาติ และออกพบปะชาวบ้านในตลาดปากพนังทุกวัน
และเมื่อวานนี้ (19 ต.ค.66) อดีตพระยันตระ และคณะได้มารับประทานอาหารที่ร้านของตน ซึ่งทุกครั้งที่อดีตพระยันตระกลับมายังปากพนัง จะมีชาวบ้านมาให้การต้อนรับนับร้อยคน โดยขณะที่มารับประทานอาหารที่ร้าน อดีตพระยันตระได้พบปะกับชาวบ้านที่มาต้อนรับในทำนองคล้ายกับพระเทศนา บอกกับชาวบ้านว่า ให้ทำตนเป็นคนดี รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จะทำให้สังคมน่าอยู่ เมื่อเราให้ เขาก็จะให้ตอบ การพูดพูดแต่สิ่งที่ดี หากพูดไม่ดีจะไม่มีใครคบหา คือ “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากจะมีสี” ก่อนอดีตพระยันตระจะหัวเราะออกมา และในวันที่ 1 พ.ย.นี้ อดีตพระยันตระจะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา
ย้อนรอย “อดีตพระยันตระ” จากพระชื่อดัง ถูกแฉล่วงละเมิดสีกา
มาย้อนรอยกันสักนิดว่า “อดีตพระยันตระ” มีที่มาที่ไปอย่างไร จากพระชื่อดัง ถูกแฉล่วงละเมิดสีกา โดยอดีตพระยันตระ เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 และอุปสมบทในปี 2517 ที่วัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยได้รับฉายาว่า “พระวินัย อมโร” แต่มักจะเรียกตัวเองว่า พระยันตระอมโรภิกขุ หรือ พระยันตระ ซึ่งแปลว่า ไกลจากกิเลส และเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเวลาอันรวดเร็ว
ช่วงประมาณปี 2530-2537 ก่อนที่อดีตพระยันตระจะขาดจากความเป็นพระ ถือได้ว่าเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีญาติโยมทั้งในไทยและต่างประเทศนับถือจำนวนมาก มีการตีพิมพ์เผยแพร่คำสอน รวมถึงได้รับนิมนต์ไปเทศนาทั้งในและต่างประเทศ
แต่แล้วในปี พ.ศ. 2537 อดีตพระยันตระก็ถูกฟ้องร้องหลายข้อหา และถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมาย จนกลายเป็นข่าวดังที่สุดในเวลานั้น
นอกจากนี้ ได้มีการเปิดเผยสลิปบัตรเครดิตที่มีโยมอุปัฏฐากบริจาคให้ ซึ่งถูกนำไปใช้ในสถานบริการทางเพศในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมทั้งหลักฐานการเปิดโรงแรมและเช่ารถร่วมกับสตรีเพียงสองต่อสอง
ช่วงแรกๆ ที่มีการกล่าวหา สังคมส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเชื่อนัก กระทั่งมีการขุดคุ้ยอย่างจริงจัง ก็มีหลักฐานต่างๆ โผล่ออกมามากมาย แต่อดีตพระยันตระก็ยังยืนกรานปฏิเสธ ต่อมาหญิงสาวรายหนึ่งได้แสดงหลักฐานเป็นภาพถ่ายการใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยา และได้นำเด็กหญิงซึ่งอ้างว่าเป็นบุตรสาวของอดีตพระยันตระมาแสดงตัวต่อหน้าสื่อ พร้อมทั้งท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ
แม้จะมีหลักฐานมัดแน่นในหลายกรณี แต่อดีตพระยันตระก็ยังคงปฏิเสธ กระทั่งในปี 2537 มหาเถรสมาคมมีมติให้พ้นจากความเป็นพระภิกษุ แต่เขาไม่ยอมรับมติสงฆ์ ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุ ก่อนเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว ทำให้ถูกสื่อต่างๆ ขนานนามว่า จิ้งเขียว นอกจากนั้น อดีตพระยันตระ ยังเป็นผู้ต้องหาในคดีก้าวล่วงองค์สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งมีอายุความ 20 ปี
แต่เมื่อถูกกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก รวมถึงมีคดีความต่างๆ มากมาย อดีตพระยันตระจึงลักลอบหลบหนีออกนอกประเทศไปยังสหรัฐ และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง จนถึงปัจจุบัน
ในปี 2557 หลังจากคดีความต่างๆ หมดอายุความ โดยเฉพาะคดีก้าวล่วงองค์สมเด็จพระสังฆราช อดีตพระยันตระก็ได้เดินทางกลับประเทศไทย โดยมีผู้ที่ยังคงเลื่อมใสศรัทธามาเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมาก
และล่าสุดในเดือนตุลาคม 2564 อดีตพระยันตระก็เดินทางมาประเทศไทยอีกครั้ง โดยได้มีการจัดงานวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 70 ปี ซึ่งในงานดังกล่าวมีพระภิกษุเข้าร่วมจำนวนมาก และมีภาพก้มกราบอดีตพระยันตระเผยแพร่ออกมา ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก. – สำนักข่าวไทย