ภรรยาแรงงานไทยในอิสราเอลเชื่อสามีอาจยังมีชีวิตอยู่

นครพนม 16 ต.ค. – เพื่อนร่วมแคมป์เผยเห็นคนไทยถูกกลุ่มฮามาสบุกยิงเสียชีวิต ขณะที่ภรรยาเชื่อสามีน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ด้านแม่หนุ่มแรงงานโดนระเบิดเสียชีวิตในอิสราเอล 2 ปีก่อน เห็นข่าวเหตุการณ์ซ้ำรอยลูกชาย น้ำตาไหลเข้าใจหัวอกครอบครัวที่สูญเสีย


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านโพธิ์ตาก อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีที่นายณัฐพงษ์ หรือ นิค หนึ่งในแรงงานไทยที่เดินทางไปขุดทองยังอิสราเอล ขาดการติดต่อกับ น.ส.นิศรา ภรรยา อายุ 33 ปี โดย น.ส.นิศรา เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.66 ขณะที่กำลังโทรคุยกับนายณัฐพงษ์ หรือ นิค สามี ก็ได้ยินเสียงปืนรัวดังเข้ามาในโทรศัพท์ ก่อนที่สัญญาณโทรศัพท์จะขาดหายไป ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย อย่างไรก็ตาม น.ส.นิศรา ยังมีความเชื่อว่า สามีน่าจะยังมีชีวิตอยู่

ทั้งนี้ นายสิทธิโชค หนึ่งในแรงงานที่พักอยู่แคมป์ดังกล่าว ได้วิดีโอคอลและเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุสลด ตรงกับวันหยุดของอิสราเอล แต่ตนกับเพื่อนอีกคนได้ออกจากแคมป์ไปรับงานพิเศษช่วงวันหยุด ส่วนเพื่อนคนงานอีกคนที่รอดชีวิตเดินทางไปหาเพื่อนข้างนอก ไม่คิดว่าต้องเจอกับความสูญเสียของเพื่อนร่วมงานมากถึงขนาดนี้


นอกจากนี้ นายสิทธิโชค เพื่อนร่วมแคมป์ของนายณัฐพงษ์ หรือ นิค ยังเปิดเผยว่า เห็นคนไทยราว 6-7 คน ถูกกลุ่มฮามาสเข้ามาบุกยิงเสียชีวิตคาบังเกอร์หลบภัยชนิดไร้ทางต่อสู้ถึงภายในแคมป์ที่พัก ส่วนที่เหลือคาดว่าน่าจะถูกจับเป็นตัวประกัน ซึ่งภายในแคมป์คนงานแห่งนี้มีคนไทยพักอยู่ 19 คน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตมีร่างของนายณัฐพงษ์หรือไม่ ซึ่งนายสิทธิโชค ให้ข้อมูลเชิงแบ่งรับแบ่งสู้ว่า เหมือนจะมีนายณัฐพงษ์ อยู่ในกลุ่มที่ถูกยิงเสียชีวิตด้วย

น.ส.นิศรา ระบุว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ จึงขอเชื่อว่า นายณัฐพงษ์ หรือ นิค สามี ยังมีชีวิตอยู่ไว้ก่อน และอยากให้ทางการเร่งติดตามช่วยเหลือสามีของตนกลับมาโดยเร็ว

แม่ที่เคยเสียลูกชายเข้าใจครอบครัวผู้สูญเสีย


และจากเหตุความรุนแรงดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามชีวิตของครอบครัวนายสิขรินทร์ หรือ ลิป หนุ่มแรงงานชาว ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกระเบิดเสียชีวิตจากเหตุสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เมื่อวันที่ 18 พ.ค.64 หรือเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา

โดยนางขวัญใจ อายุ 48 ปี แม่ของนายสิขรินทร์ หรือ ลิป ได้นำรูปถ่ายหน้าศพของลูกชายออกมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับเล่าว่า แม้เวลาผ่านไป 2 ปีแล้ว แต่หัวอกคนเป็นแม่ยังคงคิดถึงลูกชายตลอดเวลา และสิ่งที่สร้างความสะเทือนใจอีกครั้ง คือ เหตุการณ์ภัยสงครามที่พรากชีวิตลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับก็เกิดขึ้นซ้ำอีก ทำให้พี่น้องแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอลต้องเสียชีวิต บาดเจ็บหลายราย และยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบชะตากรรม ทุกครั้งที่เห็นข่าวเหตุการณ์สู้รบและเห็นภาพของการสูญเสียก็ถึงกับน้ำตาไหล ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชาย เข้าใจความรู้สึกของครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคน เพราะตนเคยเจอมาก่อน มันยากที่จะทำใจได้ ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวแรงงานไทยทุกคน ทั้งที่เสียชีวิต บาดเจ็บ และที่ยังไม่ทราบชะตากรรมด้วย ขอให้ทุกครอบครัวสู้ๆ เพราะทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมได้

นางขวัญใจ ยังบอกด้วยว่า เงินเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ทางการไทยให้ความช่วยเหลือ รวมถึงเงินจากกองทุนผู้ประสบภัยสงครามของทางฝั่งประเทศอิสราเอล หลังจากลูกชายเสียชีวิตก็มีหน่วยงานติดต่อประสานให้ และได้รับการช่วยเหลือมาตลอด โดยได้รับเฉลี่ยเดือนละ 70,000-80,000 บาท ในจำนวนนี้เป็นส่วนของภรรยาลูกชาย 35,000 บาท ของแม่เอง 20,000 บาท และของหลานอีก 2 คน คนละ 10,000 บาท โดยเขาจะโอนเข้าบัญชีให้ทุกเดือน แต่เมื่อประมาณเดือน ก.พ.66 ที่ผ่านมา ไม่เห็นมีเงินโอนเข้าบัญชี จนถึงปัจจุบันคือเดือน ต.ค.66 รวม 9 เดือน ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุใด จึงได้ติดต่อประสานไปทางกระทรวงแรงงาน ทราบว่าทางอิสราเอลได้ส่งเอกสารมาให้ครอบครัวทำเรื่องแจ้งกลับไป เพราะต้องยื่นเรื่องปีละครั้ง

ล่าสุดได้ยื่นเรื่องไปแล้ว รอฟังคำตอบเดือนนี้ว่าจะได้รับโอนเงินปกติหรือไม่อย่างไร อยากฝากให้ทางกระทรวงแรงงานติดตามให้ด้วย ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว หากครอบครัวไม่มีหนี้สินก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ แต่ตอนนี้ยังมีหนี้สินที่ลูกชายนำที่ดินไปจำนอง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานอิสราเอล แต่ทำงานได้แค่ 3 วัน ก็ถูกระเบิดเสียชีวิต ยังไม่ทันได้รับค่าแรงแม้แต่เดือนเดียว ตอนนี้เหลือหนี้อยู่ประมาณ 70,000-80,000 บาท ก็นำเงินที่ได้รับการช่วยเหลือทยอยใช้หนี้ทุกเดือน บางส่วนไว้กินอยู่ และส่งหลาน 2 คน อายุ 4 ขวบ และ 6 ขวบ เรียนหนังสือ

นางขวัญใจ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ก็คงไม่ให้ลูกชายไปทำงานที่อิสราเอล ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงลูกทุกวัน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]