กาฬสินธุ์ 8 ต.ค.-สถานการณ์น้ำท่วมภาคอีสาน ยังน่าห่วง รมช.เกษตรฯ เตรียมเสนอแผนปรับเปลี่ยนทางน้ำ ให้ผันน้ำลงแม่น้ำโขง เชื่อเป็นแผนที่ดี ป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสาน
ที่ห้องประชุมอเนกประสงค์ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จ.กาฬสินธุ์ วันนี้ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับฟังการรายงานปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาว และสถานการณ์น้ำท่วมจากรองผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ผู้อำนวยการชลประทาน จ.กาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัญหาน้ำท่วมที่ จ.กาฬสินธุ์ เกิดจากฝนที่ตกอย่างหนัก ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ถึงปัจจุบัน ครอบคลุมทั้งจังหวัด ทำให้ปริมาณน้ำสะสมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว ที่ยังได้รับอิทธิพลจากน้ำป่าไหลเข้าอ่างด้าน อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี และน้ำป่าจากเทือกเขาภูพาน ส่งผลให้เขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำเพิ่มอย่างรวดเร็วจนเกินระดับกักเก็บ โดยตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.66 ซึ่งเริ่มจากวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นไปถึงวันละ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร และไต่ระดับแบบขั้นบันได ระบายในช่วงปริมาณน้ำเกินระดับกักเก็บ 100 เปอร์เซ็นต์ เฉลี่ยวันละ 15-25 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดมีน้ำไหลเข้าอ่างฯ อย่างต่อเนื่องอีกระยะหนึ่งมากกว่า 120 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ 10 อำเภอได้รับผลกระทบ แยกออกเป็น 2 สถานการณ์ คือ สถานการณ์น้ำท่วมด้านเหนือเขื่อน พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 29,445 ไร่ ด้านประมง 95 ไร่ และถนน 183 สาย ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมด้านท้ายเขื่อน ประชาชนได้รับผลกระทบ รวม 31 ตำบล การเกษตรได้รับผลกระทบ 55,224 ไร่ ด้านประมง 374 ไร่ และถนน 64 สาย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง และเตรียมนำเสนอแผนการปรับเปลี่ยนทางน้ำให้มีการผันน้ำลงแม่น้ำโขงต่อนายกรัฐมนตรี การทำอุโมงค์หรือการสร้างระบบชลประทาน ให้ครบวงจร ที่จำเป็นจำต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่หากเปรียบเทียบความเสียหายในแต่ละปี เชื่อว่าจะเป็นแผนที่ดีในการป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสาน
ส่วนที่จังหวัดพิษณุโลก จากสถานการณ์แม่น้ำวังทองล้นตลิ่ง ผู้ว่าฯ พิษณุโลก สั่งการระดมกำลัง กั้นกระสอบทราย ริมแม่น้ำวังทอง เพื่อไม่ให้น้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจของอำเภอวังทอง พบว่าตอนนี้น้ำกำลังไหลทะลักเข้าท่วมวัดบึงพร้าวหมู่ที่ 3 ต.ชัยนาม และบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา มีปริมาณฝนตกหนักในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำวังทองเป็นจำนวนมาก หลังจากนี้ต้องไปดูในพื้นที่แก้มลิง หรือทุ่งรับน้ำ ว่าจะผ่านน้ำออกไปได้อย่างไร เพื่อให้มวลน้ำระบายออกได้โดยเร็ว
ขณะที่วันนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี รองอธิบดีกรมทางหลวง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม บริเวณตลิ่งลำน้ำชี บ้านคุ้งสะอาด ต.นาเลิง อ.เสลภูมิ พร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย โดยนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ได้รายงานพื้นที่ประสบสาธารณภัย 12 อำเภอ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 23,758 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ถนนได้รับผลกระทบ 176 สาย สะพาน 14 แห่ง คอสะพาน 3 แห่ง ฝาย 12 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ 2 แห่งบ้านพัก 97 หลัง และคอกสัตว์ 3 แห่ง รวมถึงมีพื้นที่การเกษตร ได้รับผลกระทบเป็นข้าวนาปี 917 ไร่ พืชผัก 130 ไร่รวมพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 91,858 ไร่ พร้อมฝากท่านรองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือชาวร้อยเอ็ด ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะเร่งหาแนวทางการในการป้องกันน้ำท่วมเพื่อแก้ปัญหาแบบระยะยาวด้วย.–สำนักข่าวไทย