ปลัดมหาดไทยนำภาคีเครือข่ายชาวลำพูน ทำกิจกรรมรื้อถอนเสาไฟฟ้าต้นสุดท้าย

ลำพูน 19 ส.ค. – ปลัดมหาดไทยนำภาคีเครือข่ายชาวลำพูน ทำกิจกรรมรื้อถอนเสาไฟฟ้าต้นสุดท้าย ตามโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน “1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” พร้อมปลูกต้นทองกวาว เพิ่มพื้นที่สีเขียวทดแทน เพื่อปรับทัศนียภาพเมืองลำพูนให้สวยงาม ย้ำชาวลำพูนช่วยกันทำความดี ทำให้เมืองลำพูนเป็นเมืองอันศิวิไลซ์อย่างยั่งยืน


วันนี้ (19 ส.ค. 66) เวลา 09.00 น. ณ บริเวณลานออกกำลังกายหน้าสวนน้ำพุช้างมหาวัน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกิจกรรมรื้อถอนเสาไฟฟ้าต้นสุดท้าย ตามโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน “1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” โดยมี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน นางดวงกมล ยิ้มละมัย ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลำพูน นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายโยธิน ประสงค์ความดี ปลัดจังหวัดลำพูน นายบุญส่ง ไชยมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน นายชีวิน พัฒนคูหะ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าภาค 1 นายถนอม ปัญญาวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมและบริการ PEA เขต 1 (ภาคเหนือ) จังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ พี่น้องประชาชน และภาคีเครือข่ายชาวจังหวัดลำพูน ร่วมในพิธี

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานในพิธีตัดริบบิ้นเพื่อแสดงสัญลักษณ์ในการทำกิจกรรมรื้อถอนเสาไฟฟ้าต้นสุดท้าย ตามโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน “1 จังหวัด 1 ถนน จังหวัดลำพูน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” แล้วเยี่ยมชมนิทรรศการการดำเนินโครงการของ กฟภ. และการพัฒนาพื้นที่เพื่อการใช้ประโยชน์ของถนนเฉลิมพระเกียรติ “1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดลำพูน และแนวคิดการพัฒนาเมืองเก่าลำพูน จากนั้นนำคณะและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดลำพูน ร่วมปลูกต้นทองกวาว ต้นไม้ประจำจังหวัดลำพูน มีชื่อท้องถิ่นว่า กวาว ก๋าว ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูงประมาณ 10-15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดรูปทรงไม่แน่นอน ส่วนใหญ่จะกลม หรือเป็นทรงกระบอก ใบประกอบมี 3 ใบ ขนาดไม่เท่ากัน ใบหนาและมีขน ใต้ใบสีเขียวอมเทา ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งคล้ายดอกถั่ว สีแสดแดงหรือเหลือง มีขน ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม ผลเป็นฝักแบน มีขนนุ่ม เมล็ด 1 เมล็ด อยู่ที่ปลายฝัก


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ส่วนราชการ องค์กรภาคีเครือข่าย และประชาชนชาวจังหวัดลำพูน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลเมืองลำพูน ที่ให้การต้อนรับตนและคณะด้วยไมตรีจิตรยิ่ง นับเป็นโอกาสอันดีที่เราได้มาร่วมดำเนินโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน “1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งเป็นโครงการอันศิวิไลซ์ที่ทำให้พี่น้องชาวลำพูนและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมจังหวัดลำพูน ได้มีความยินดีและภูมิใจที่ได้เห็นภูมิทัศน์อันสดใสสวยงาม ไม่มีสายไฟ สายสื่อสารรกรุงรัง จึงขอชื่นชมและขอบคุณการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและเทศบาลเมืองลำพูน รวมไปถึงจังหวัดลำพูน ที่ได้ช่วยกันผลักดันและขับเคลื่อนทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นในวันนี้

“ขอแสดงความชื่นชมและยินดีในการเสียสละของเทศบาลเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดลำพูน และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ที่ได้นำสายไฟฟ้า ซึ่งเคยกลายเป็น Soft Power ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชื่นชอบและชื่นชมว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่รกรุงรัง และถ่ายภาพคู่กับสายไฟฟ้าที่แปลกตาในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ แต่ที่เทศบาลเมืองลำพูนนั้น เราได้ทำให้สายไฟฟ้าลงใต้ดินได้ทั้งหมด ซึ่งสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นได้ เพราะเราทุกคนมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ด้วยการปฏิบัติบูชา” และมีจิตอาสาที่จะช่วยกันคิดช่วยกันทำโครงการที่ดีเพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติของเรา แม้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องแสวงหาผลกำไรเพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงของพี่น้องประชาชน แต่ผู้บริหารของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็แสดงความพยายามที่จะจัดสรรงบประมาณสำคัญเพื่อนำมาปรับปรุงและสร้างภูมิทัศน์ที่ดีงามให้เกิดขึ้นในจังหวัดลำพูน” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน “1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” สำเร็จได้เกิดจาก “หัวใจแห่งความจงรักภักดี” ของพวกเรา และแม้ว่ากิจกรรมในวันนี้จะเป็นการปิดโครงการดังกล่าว แต่เป็นการเริ่มต้นของการมุ่งสร้างสรรค์เมืองลำพูน เมืองแห่งความศิวิไลซ์ และขอให้พวกเราไม่ปิดกั้นในการที่จะทำความดีเพื่อส่วนรวมให้เพิ่มมากขึ้นต่อไป ทำให้บ้านเมืองและชุมชนของเรามีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย อาทิ เราสามารถช่วยกันจัดระเบียบสายสื่อสารที่ยังไม่ลงดินให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพิ่มมากขึ้น หรือการปรับปรุงภูมิทัศน์ต่างๆ ในชุมชน เพื่อให้บ้านเมืองและประเทศไทยของเราเป็นเมืองที่น่าอยู่ หน้าบ้านน่ามอง ชุมชนน่าอยู่


“จังหวัดลำพูน เป็นเลิศในเรื่องของความสะอาดอยู่แล้ว ตั้งแต่นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน คนที่ 42 ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นเลิศอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ช่วยกันต่อยอด “ลำพูนเมืองสะอาด” รวมถึงช่วยกันรณรงค์สร้างความมั่นคงทางอาหาร น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” เพื่อให้ลำพูนของเราเป็นเมืองศรีวิไลซ์เพิ่มมากยิ่งขึ้น เป็นต้นแบบให้กับทุกจังหวัดในประเทศไทยและของคนทั้งโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยกันรณรงค์จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567″ นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอใช้โอกาสนี้เชิญชวนพวกเราสร้างจุดเริ่มต้นของการร่วมกันทำความดี ในกิจกรรมดีๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล น้อมนำพระราชปณิธานที่แน่วแน่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” และขออนุโมทนาผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดลำพูน นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน และพี่น้องประชาชนที่ได้มีโอกาสเป็นต้นแบบทำให้บ้านเมืองสวยงาม ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่เสาไฟฟ้าต้นสุดท้ายในเขตเทศบาลเมืองลำพูน กำลังจะถูกรื้อถอนออกไป เริ่มตั้งแต่เสาไฟฟ้าต้นแรกจนถึงต้นที่ 256 เป็นต้นสุดท้าย และขอให้มีกำลังใจไม่หยุดยั้งที่จะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม Change for Good ให้กับลำพูนตลอดไป

นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน “1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” เป็นโครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจังหวัดลำพูนและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้จัดทำโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน ในพื้นที่เทศบาลเมืองลำพูน บนถนนรอบเมืองนอก ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค สาขาลำพูน ถึงเชิงสะพานท่านาง ระยะทางประมาณ 2.2 กิโลเมตร งบประมาณ 35,087,994 บาท เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ของเมืองให้มีความสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย และเกิดความปลอดภัยต่อประชาชนที่สัญจรไปมา ด้วยการนำสายไฟฟ้า สายสื่อสารต่างๆ ที่พาดบนเสาไฟฟ้าลงใต้ดิน

นายถนอม ปัญญาวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมและบริการ PEA เขต 1 (ภาคเหนือ) จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้ร่วมกับเทศบาลเมืองลำพูน ได้ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน โดยการติดตั้งระบบจำหน่ายแรงสูง รื้อถอนเสาไฟฟ้าพร้อมติดตั้งระบบเคเบิลใต้ดิน ติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่างไร้สาย เพื่อรองรับการจัดระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน ภายใต้โครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคใต้ดินเพื่อการท่องเที่ยวในเขตเมืองอนุรักษ์ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 ระยะที่ 1 บริเวณถนนอินทยงยศ ด้านหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ถึงแยกประตูลี้ เป็นการนำร่อง และได้ดำเนินการติดตั้งเสาไฟฟ้า/เปลี่ยนโคมไฟฟ้าสาธารณะให้เป็นหลอด LED บริเวณถนนสายหลัก ถนนสายรอง จุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อความส่องสว่าง บริเวณถนนรอบเมืองใน ถนนรอบเมืองนอก

ปัจจุบันดำเนินการถึงระยะที่ 5 ซึ่งหลังจากขุดวางท่อร้อยสายลงใต้ดินแล้วเสร็จ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ดำเนินการรื้อถอนเสาไฟฟ้าออก เทศบาลเมืองลำพูนจะได้มีการปลูกต้นไม้ทดแทนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]